ซึ้งหนุ่มมะกันตามหาแม่พบเป็นชนเผ่าเปลือยในป่า

หลายปีก่อน มีแม่คนหนึ่งตัดสินใจทิ้งสามีและลูกอายุ 6 ขวบ ในสหรัฐ กลับไปใช้ชีวิตในป่าลึกตามเดิม

จนกระทั่ง ลูกชายวัย 6 ขวบ เติบโตเป็นชายหนุ่มชื่อ เดวิด กู๊ด หนุ่มอเมริกัน ออกเดินทางทางตามหาแม่ชาวชนเผ่ายาโนมามิในเวเนซุเอลาจนพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

จุดเริ่มต้นของเรื่องจริงยิ่งกว่าละครเรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยที่ เคนเนต กู๊ด ผู้ศึกษาด้านมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ได้เข้าไปในป่าลึกในอเมซอนของเวเนซุเอลา และพบกับชุมชนคนป่าเผ่ายาโนมามิ จนได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกัน ถึงขั้นว่าทางชนเผ่ายอมรับหนุ่มจากแดนไกลราวกับเป็นคนของตัวเอง และยังได้ยกหญิงแรกรุ่นนาม ยาริมา ให้เป็นภรรยาของเคนเนตด้วย

เมื่อฝ่ายชายได้พาสาวชนเผ่ากลับมาอยู่ด้วยกันที่สหรัฐ เธอต้องเรียนรู้และปรับตัวกับทุกอย่างที่เหมือนโลกอีกใบหนึ่ง ตั้งแต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ข้าวของเครื่องใช้ เทคโนโลยี และสังคมรอบข้าง โดยช่วงเวลานั้นทั้งสองมีทายาทด้วยกัน 3 คน

กระทั่งวันหนึ่ง เคนเนตได้รับข้อเสนอให้ถ่ายทำสารคดีเรื่องราวช่วงที่ภรรยาของตัวเองได้กลับไปยังเผ่าที่เวเนซุเอลาอีกครั้งพร้อมกับลูกๆ ทั้ง 3 คน ซึ่งที่นั่นเธอได้ตัดสินใจไม่กลับไปสหรัฐอีก หลังทนความกดดันนานหลายปีของการใช้ชีวิตใหม่ ซึ่งเวลานั้นเดวิด ลูกชายคนโตมีอายุได้ 6 ขวบแล้ว

ด.ช.เดวิด ที่โตพอรับรู้เรื่องราว เริ่มรับรู้ว่าถูกแม่ทอดทิ้งเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ปี และมีปฏิกิริยาต่อต้านเมื่อพ่อพูดถึงแม่ให้ฟัง

จากนั้นเขายังเลือกที่จะปกปิดทุกสิ่งเกี่ยวกับแม่ โดยบอกทุกคนว่าแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และใช้สิ่งเสพติดเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากความจริง

จนกระทั่งเมื่อเดวิดอายุ 20 ปี ได้อ่านหนังสือบอกเล่าประสบการณ์ของพ่อเกี่ยวกับแม่และชนเผ่า ซึ่งเขาได้เข้าใจข้อเท็จจริงมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นคือ พร้อมที่จะออกเดินทางเพื่อรับรู้ความจริงจากแม่ของตัวเอง

5 ปีจากนั้น เดวิดเดินทางออกจากสหรัฐครั้งแรก หลังจากครั้งสุดท้ายที่ไปเยือนเวเนซุเอลาตอน 6 ขวบ เมื่อไปถึงเขาออกจากแถบเมืองไปยังแม่น้ำโอริโนโคพร้อมกับไกด์และล่ามเพื่อเข้าสู่ป่าอเมซอน ถึงยังชุมชนยาโนมามิ

เมื่อถึงที่นั่นเดวิดได้พบกับหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขารู้ในทันทีว่าเป็นแม่ที่ตามหาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า แม้เธอจะแตกต่างไปจากภาพที่เขามี จากหญิงสาวในชุดอยู่บ้านธรรมดา ที่นี่ยาริมาคือหญิงกลางคนที่มีไม้เจาะจมูกและรอบปากส่วนล่าง ในสภาพเกือบเปลือยกาย ซึ่งเป็นการแต่งกายตามปกติของชนเผ่า

ในฐานะของคนจากที่แห่งหนึ่งสู่อีกพื้นที่ที่ไม่รู้จัก เดวิดใช้เวลาร่วมปีไปมาระหว่างสหรัฐและป่าลึกในเวเนซุเอลาเพื่อปรับตัว เรียนรู้ จนหลงรักการใช้ชีวิตอันแสนเรียบง่ายและธรรมดา รวมถึงการใช้ชีวิตร่วมกับแม่ของตัวเอง

เวลานี้เดวิดยังได้ตั้งองค์กร The Good Project เพื่อศึกษาความต้องการของชนเผ่าห่างไกลอย่างยาโนมามิ และเผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องให้โลกรู้ อาทิ การตัดขาดจากโลกการสื่อสารยุคใหม่ของคนเมืองแท้จริง องค์ประกอบของชีวิตแบบพอเพียงของชาวชนเผ่า ไม่ใช่ความขาดแคลนแบบที่คนทั่วไปเข้าใจ

AFP PHOTO / Apu Gomes