WORLD NEWS

โดย M2F Writer

15 กุมภาพันธ์ 2562 : 12:00 น.

แม้วงการแฟชั่นของโลกจะมีแบรนด์ดีไซเนอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และในระยะเวลาที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง เมลิสซา โลซาดา โบฟิล และ มาร์เซลา เวเลซ สองสาวชาวโคลอมเบีย ที่คิดสร้างแบรนด์กระเป๋าถือ M2MALLETIER ขึ้น

แม้จะนับว่าเป็นแบรนด์เพิ่งก่อตั้งใหม่ แต่วิธีการดำเนินธุรกิจและโปรโมทสินค้าให้เข้ากับยุคสมัย จนแจ้งเกิดได้เปรี้ยงปร้างและกระแสตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ก่อตั้งธุรกิจทั้งคู่ได้รับความสนใจว่าจะงัดกลเม็ดอะไรมาจับลูกค้ารอบต่อๆ ไปจนอยู่มือ

สองสาวเป็นชาวโคลอมเบียเหมือนกันก็จริง แต่ไปรู้จักกันไกลถึงมหานครนิวยอร์ก ระหว่างที่เรียนอยู่สถาบันแฟชั่น Parsons School of Design ทั้งคู่มีประสบการณ์เดียวกันว่าไม่เจอกระเป๋าถือที่ควรค่ากับการใช้งานสักที จึงตัดสินใจผลิตกระเป๋าที่ตัวเองอยากได้ โดยเน้นที่วัสดุ การใช้งานฝีมือประดิษฐ์ชิ้นงาน และการใส่ใจในรายละเอียดทุกส่วน

โบฟิล และ เวเลซ ใช้เงินของตัวเองล้วนๆ ในการลงทุน แม้จะไม่เปิดเผยว่าใช้เงินเท่าไร แต่เล่าว่า เงินทุนไม่เคยขาดมือ สามารถถอนทุนคืนได้ตั้งแต่การเปิดตัวสินค้าเมื่อปลายปี 2012 จากการดำเนินธุรกิจไปเรื่อยๆ ด้วยการติดตามกระแสแฟชั่นและโฟกัสที่สัญชาตญาณของตัวเอง รวมถึงการใช้ระบบ Pre-Order ที่บริษัทจะผลิตสินค้าเมื่อมีการสั่งซื้อเท่านั้น ทำให้ใช้เงินลงทุนน้อย ไม่มีความเสี่ยงกักตุนสินค้า และยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าได้อีกด้วย

พวกเธอเชื่อว่า แบรนด์สินค้าแฟชั่นที่ทำเติบโตได้เพราะพลังของโซเชียลมีเดียเป็นสำคัญ เพราะหลังจากเปิดตัวคอลเลคชั่นสินค้าที่นิวยอร์ก พวกเธอก็เริ่มโพสต์ภาพสินค้าลงเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่ อินสตาแกรมและเฟซบุ๊คทันที ซึ่งแอพพลิเคชั่นแชร์ภาพอย่างอินสตาแกรมเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำเสนอภาพสินค้าชัดเจนถึงลูกค้า ผู้ซื้อ และสื่อที่สุด และนำไปเผยแพร่ต่อๆ กันโดยอัตโนมัติ จนมีอีเมลมาสั่งซื้อสินค้าอย่างไม่ขาดสายทั้งลูกค้าทั่วไป และระดับแพลตฟอร์มตลาดบนอินเทอร์เน็ต เช่น Moda Operandi และ Net-A-Porter ที่ติดต่อให้นำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางตัวเอง

นอกจากนี้ แบรนด์ยังส่งสินค้าให้กลุ่มเซเลบริตี้ ดารา นักแสดงที่มีชื่อเสียง หรือที่เรียกรวมๆ ว่า อินฟลูเอ็นเซอร์ (ผู้มีอิทธิพลทางความคิดและการตัดสินใจของผู้บริโภค) ให้ทดลองใช้ฟรีๆ ซึ่งก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะหากผลิตภัณฑ์ถูกใจคนกลุ่มนี้ จนนำไปใช้ในชีวิตจริง ก็เปรียบเหมือนมีคนดังมาโฆษณาสินค้าให้ฟรี และในรูปแบบที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดด้วย ซึ่งในระยะหลังๆ แบรนด์สินค้าและบริการจำนวนมากใช้วิธีนี้เหมือนกัน จนเกิดการทุจริตอย่างลับๆ ก็ไม่น้อย เช่น การจ่ายเงินให้พูดยกยอสินค้าเกินจริง

เมื่อกระเป๋าของสองสาวเป็นที่ชื่นชอบของอินฟลูเอ็นเซอร์ สินค้าจึงถูกสั่งซื้อไปถึงทางแบรนด์อย่างล้นหลาม ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่นอกจากกำไร พวกเธอก็เรียนรู้โลกธุรกิจปัจจุบันในประเด็นสำคัญมากมาย ตามความรู้สึกของ เวเลซ ข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันกระจายต่อๆ กันไวขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป ในฐานะที่เป็นแบรนด์เล็กๆ และต้องต่อสู้กับทั้งแบรนด์น้อยด้วยกันและหัวแฟชั่นใหญ่ เธอต้องใส่ใจกับรายละเอียดการสื่อสารกับลูกค้า ยึดมั่นในคุณค่าและเอกลักษณ์ของแบรนด์ และใกล้ชิดสร้างความสนิทสนมกับลูกค้าเข้าไว้

วิธีการตีสนิทกับลูกค้าในแบบของ M2MALLETIER อย่างแรกคือศึกษาให้ถ่องแท้ว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นตอนปลายไปจนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน คนกลุ่มนี้สนใจการสร้างประสบการณ์และวัฒนธรรมใหม่ๆ ดังนั้น การเปิดหน้าร้านโชว์เสื้อผ้าในราวแขวนไม่เพียงพอเรียกความสนใจแล้ว

ทางแบรนด์ใช้วิธีพาลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ด้วยการให้ลูกค้าทำการนัดหมายหาเวลาเข้ามาที่โชว์รูม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่พาเดินชมคอลเลคชั่นสินค้า นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บางกรณียังออกแบบสินค้าให้เฉพาะบุคคลนั้นๆ ด้วย ซึ่งเป็นการดึงลูกค้าให้ยึดติดอยู่กับแบรนด์ได้อย่างอยู่หมัด กระนั้น การจับลูกค้าจนอยู่มือด้วยการป้อนสินค้าแบบสั่งได้ดั่งใจ การสร้างสัมพันธ์อันดีกับผู้ผลิตสินค้าที่อยู่หลังบ้าน ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่ละเลยไม่ได้เป็นอันขาด

ภาพ M2Malletier

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ