WORLD NEWS

โดย M2F Writer

14 กุมภาพันธ์ 2562 : 18:00 น.

ยารักษาโรคที่ดีที่สุด อาจไม่ใช่เกิดจากการนำส่วนผสมที่ดีหรือแพงที่สุดมารวมกัน หากเป็นยาที่ได้รับการบริโภคและเข้าสู่ระบบการดูดซึมภายในร่างกายตามต้องการจริงๆ

ดังคำแนะนำทั่วไปของแพทย์และเภสัช ที่มักจะกล่าวกับคนไข้และญาติให้อย่าลืมรับประทานยาตามที่สั่งด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เนื่องจากนี่เป็นปัจจัยสำคัญมากที่จะทำให้ผู้ป่วยหายพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ

ประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อและนำไปสู่การค้นคว้าหาเทคโนโลยีหรือวิธีการใดๆ ที่จะช่วยติดตามการทานยาของคนไข้ นำไปสู่การผลิตเม็ดยาติดตามการทานยา ซึ่งองค์การอาหารและยาของสหรัฐ เพิ่งรับรองให้นวัตกรรมสามารถนำไปใช้จริงในระบบการแพทย์เรียบร้อยแล้ว

เม็ดยานี้มีชื่อว่า Abilify MyCite มันไม่ออกฤทธิ์ในการรักษาโรค แต่เป็นระบบติดตามการทานยาที่เล็กจิ๋วมากเหมือนยา เบื้องต้นมีเป้าหมายเพื่อใช้ติดตามการทานยาของผู้ป่วยโรคทางระบบประสาทก่อน

นวัตกรรมนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัท Otsuka และ Proteus โดยระบบ Abilify MyCite จะถูกล้อมรอบด้วยเซ็นเซอร์ขนาดเล็กมากประมาณเม็ดทราย ซึ่งมีชื่อย่อว่า IEM ทำจากทองแดง แมกนีเซียม และซิลิคอน โดยด้วยขนาดของระบบติดตามที่เล็กมาก เคมีที่เป็นส่วนประกอบเหล่านี้จึงอยู่ในปริมาณที่ร่างกายรับได้

เมื่อยารักษาโรคและเม็ดยาติดระบบถูกกลืนลงคอพร้อมกัน ตัวหลังจะอาศัยกรดในกระเพาะอาหารช่วยสั่งให้ส่งสัญญาณไปยังแผ่นบันทึกข้อมูลที่ติดอยู่ที่หน้าอกของผู้บริโภคยา แผ่นบันทึกนี้จะบันทึกวันและเวลาที่ทานยา และส่งข้อมูลไปยังแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน ซึ่งผู้ควบคุมแอพอาจจะเป็นตัวคนไข้ ญาติผู้ดูแล หรือแพทย์ผู้ติดตามการรักษาก็ได้

แม้บริษัทผู้ผลิตนวัตกรรมจะยอมรับว่ายังไม่มีผลการวิจัยที่ชี้ว่า การติดตามลักษณะนี้ช่วยให้คนไข้ให้ความร่วมมือในการทานยา แต่ในแวดวงผู้พัฒนาก็มีความหวังว่า สิ่งประดิษฐ์จะช่วยให้ลดจำนวนผู้ป่วยโรคทางจิตในสหรัฐลงได้

อีกด้านผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งก็แสดงความกังวลถึงการใช้ระบบติดตาม โดยเฉพาะการเจาะจงใช้กับผู้ที่มีอาการทางจิต เพราะมองว่า น่าจะส่งผลเสียมากกว่าดี

“คนไข้ทางจิตจำนวนมากไม่ทานยาเพราะไม่ชอบผลข้างเคียง หรือไม่คิดว่าตัวเองป่วย หรือกลัวว่าหมอมีเจตนาไม่ชอบมาพากล” พอล แอพเพลบัม จิตแพทย์จาก ม.โคลอมเบีย ไม่เชื่อว่าการติดตามแบบนี้จะปรับทัศนคติของคนไข้ที่ไม่อยากทานยาได้

อย่างไรก็ดี เจ้าของยาติดระบบมีเป้าหมายว่า จะช่วยเหลือคนไข้ทุกโรคทุกอาการไม่เฉพาะผู้ป่วยทางจิตเท่านั้น จึงมุ่งมั่นผลิตสิ่งนี้ออกมา ขณะที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐก็รับลูกอย่างดี เนื่องจากการคำนึงถึงงบประมาณของประเทศที่สูญเสียไปมากกว่า 105,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี จากการที่ผู้เข้ารับการรักษาโรคไม่ทานยาตามที่โรงพยาบาลสั่ง

ทางองค์การยังคาดหวังด้วยว่า จะมีบริษัทเทคโนโลยีอีกหลายๆ แห่ง ที่คิดนวัตกรรมขึ้นมาช่วยเหลืออีก ส่วนเบื้องต้น Abilify MyCite จะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดปีหน้า ถึงตอนนั้นอาจจะนับเป็นก้าวใหม่ของการใช้เครื่องมือติดตามเก็บข้อมูลมนุษย์ ซึ่งอาจช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้จริงตามกล่าวอ้าง

หรืออาจก่อให้เกิดคำถามข้อสงสัยตามมามากมาย เช่น เรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้รักษาตัว จริยธรรมการรักษาโรคของแพทย์ หรือความสงสัยที่ว่า อุปกรณ์นี้จะหยุดอยู่แค่ที่การบันทึกข้อมูลการทานยาจริงหรือไม่

ภาพ - REUTERS/George Frey/File Photo

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ