อเมริกาสร้างขึนมาบนเลือดและเนื้อ (ของมุนษย์จริงๆ)
เมืองเจมส์ทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย คือสถานที่ตั้งรกรากแห่งแรกของชาวอังกฤษบนแผ่นดินสหรัฐ นับเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นรากฐานของการก่อตั้งรัฐเวอร์จิเนีย และประเทศสหรัฐในเวลาต่อมา
แต่ความเป็นจริงแล้ว เรื่องราวของเมืองเจมส์ทาวน์นั้นอบอวลไปด้วยโศกนาฏกรรม ความทุกข์ยาก และความลี้ลับมากมาย เพราะความที่เมืองนี้คืออาณานิคมแห่งแรกของชาวอังกฤษบนดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ผู้คนที่เดินทางมาตั้งรกรากจึงต้องประสบกับความทุกข์ยากและหายนภัยต่างๆ จนทำให้บรรพบุรุษของชาวอเมริกันเหล่านี้ต้องล้มตายลงมากมาย กว่าที่ชาวเมืองจะสามารถยืนหยัดในฐานะเมืองหลวงของรัฐเวอร์จิเนียได้ยาวนานถึง 83 ปี ระหว่างปี 1616-1699
ความโชคร้ายของบรรพบุรุษอเมริกันแห่งเมืองเจมส์ทาวน์ก็คือ ความไม่คุ้นกับสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ ภาพอากาศที่เลวร้าย ประจวบเหมาะกับที่ชาวอังกฤษเดินทางมาตั้งรกรากที่นี่ในช่วงเวลาที่แผ่นดินสหรัฐกำลังเผชิญกับภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 800 ปี
โดยเฉพาะระหว่างปี 1609-1610 มีชาวเมืองเสียชีวิตเพราะฤดูหนาวอันหฤโหด และวิกฤตขาดแคลนอาหารถึง 240-300 คนจากบันทึกที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ทำให้ทราบว่าชาวเมืองต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดด้วยการกินเนื้อสุนัข หนู งู หรือแม้แต่นำรองเท้าหนังมาต้มกินเมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง ชาวเมืองเจมส์ทาวน์ถึงขั้นต้องขุดศพญาติพี่น้องของตัวเองขึ้นมาประทังความหิวโหย
แต่ที่เหลือเชื่อก็คือมีบันทึกระบุว่า ชาวเมืองผู้หนึ่งอดอยากจนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ลงมือฆ่าภรรยาท้องแก่ของตัวเอง จัดการดองศพด้วยเกลือ แล้วกินเนื้อบางส่วน ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวและรับโทษประหารชีวิตในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีไม่เคยปักใจเชื่อว่าบรรพบุรุษของชาวอเมริกันจะโหดร้ายถึงขนาดกินเนื้อคนด้วยกันเอง จนกระทั่งในปี 2012 ได้มีการขุดพบร่างของเด็กสาววัย 19 ปี ซึ่งเป็นศพโบราณร่างที่ 4 ที่ขุดพบในเขตเมืองเจมส์ทาวน์ร่างของเด็กสาวได้รับการขนานนามว่า “เจน” ถูกพบในห้องใต้ถุนรวมกับเศษขยะและซากสัตว์ที่ถูกมนุษย์ฆ่าเพื่อกินเป็นอาหารหลังจากหนึ่งปีผ่านไป นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างใบหน้าของเจนขึ้นมาจากเค้าโครงกะโหลกศีรษะได้อีกครั้ง
แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่าร่างของเจนถูกสับเป็นรอยหยาบๆ จากมีดขนาดเล็ก ด้วยฝีมือของผู้ที่ไม่ชำนาญ หรือผู้ที่มิได้มีอาชีพคนแล่เนื้อ บ่งชี้ถึงอาการกระเสือกกระสนที่จะ “กินเนื้อ” ของเจ้าของร่างโดยเฉพาะบริเวณส่วนกะโหลก ปรากฏร่องรอยของความพยายามเปิดส่วนศีรษะออก เพื่อนำมันสมองออกมากระทำการบางอย่าง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะถูกนำมารับประทานเช่นกัน
ดักลาส โอลสลีย์ นักนิติวิทยาศาสตร์ด้านมามนุษยวิทยาแห่งสถาบันสมิธโซเนียน ในสหรัฐ กล่าวว่า ในช่วงศตวรรษที่ 17 นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ชาวยุโรปจะรับประทานมันสมองและเนื้อส่วนใบหน้าของสัตว์ ซึ่งผิดกับวัฒนธรรมการกินยุคปัจจุบันในโลกตะวันตกอย่างไรก็ตาม หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่า เจนเสียชีวิตแล้วก่อนที่ร่างจะถูกสวาปามโดยชาวเมือง
ตำนานเลือดเมืองบรรพชน
เมืองเจมส์ทาวน์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1607 โดยเรียกขานชื่อเมืองตามพระนามของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 กษัตริย์อังกฤษในยุคนั้น ซึ่งพื้นที่โดยรอบเมืองยังเป็นอาณาบริเวณของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน หรือชาวอินเดียนแดงเผ่าปาสปาเฮก์ โดยในช่วงแรกชนเผ่านี้ต้อนรับขับสู้ผู้มาตั้งรกรากจากยุโรปด้วยดี อีกทั้งยังช่วยเกื้อหนุนพืชพันธุ์ธัญญาหารให้กับผู้มาใหม่เพื่อประทังชีวิตความสัมพันธ์ระหว่างชาวยุโรปและชาวอินเดียนแดง นำไปสู่เรื่องราวอันโด่งดังของโพคาฮอนทัส หญิงสาวชาวเผ่าที่ตกหลุมรักกับชาวยุโรป จนกลายเป็นตำนานเล่าขานถึงความรักไร้พรมแดน และยังได้รับการถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มในรูปของภาพยนตร์การ์ตูนโดยค่ายดิสนีย์อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างชาวยุโรปกับชาวอินเดียนแดงชื่นมื่นในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะหลังจากนั้นผู้มาใหม่ลงมือสังหารชาวปาสปาเฮก์จนสิ้นเผ่าพันธุ์ในเวลา 3 ปีต่อมา