อัยการตรวจดูภาพบุคคลตามที่อัจฉริยะมอบให้แล้ว ไม่พบว่าเป็นอัยการ พร้อมยืดเวลาอุทธรณ์ก่อนครบกำหนด
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด กล่าวถึงความ คืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือ เหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานภาพถ่ายใบหน้าบุคคลอ้างเป็นอัยการ ร่วมช่วยเหลือคดียาเสพติด อดีตดาราสาวเอมี อาเมเรีย จาค็อบ ที่ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำพิพากษายกฟ้องข้อหามียาเสพติดใน ครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ลงโทษเฉพาะข้อหาเสพยาไอซ์ ยาเสพติดประเภท 1 เท่านั้นว่า ได้ดูภาพหหลักฐานที่นายอัจฉริยะมอบให้ พบว่าเบื้องต้นไม่ใช่อัยการคณะทำงานคดียาเสพติดที่มี 5 คนซึ่งรับผิดชอบคดีดังกล่าว แต่บุคคลนั้นจะใช่อัยการหรือไม่ ก็ได้ส่งให้หน่วยงานของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ดูแลเกี่ยวกับทะเบียนประวัติอัยการที่ทั่วประเทศ มีจำนวนกว่า 3,000 คนแล้ว พร้อมกับการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ทั้งหมด ตั้งแต่การพิจารณาสำนวน การสืบพยานในชั้นศาล
อย่างไรก็ดี วันนี้นายอัจฉริยะ ก็ได้นำเอกสารมาให้อัยการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจภาพบุคคลด้วย ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่อัยการโดยเราก็รับฟังและจะดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป ถ้าเป็นกรณีแอบอ้างก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อถามถึงคลิปเสียงที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ที่บทสนทนาลักษณะเป็นผู้เสียหายหรือคู่ความ ในคดีกับบุคคลที่ถูกเรียกว่าอัยการและมีการพูดถึงเงิน 500,000 บาทนั้น นางชนิญญา กล่าวว่า ยืนยันว่าคลิปเสียงดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับอัยการในคดีเอมี่ ส่วนจะเป็นอัยการส่วนใดจริงหรือไม่ เป็นคดีใด ยังไม่มีข้อมูลการตรวจสอบ
ด้าน นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า หากตำรวจเห็นว่าควรต้องอุทธรณ์ตามสำนวนสอบสวน ก็จะเสนอให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ซึ่งระหว่างนี้หากยังยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเวลา 1 เดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษา ตามกฎหมายก็ต้องยื่นขอขยายเวลาต่อศาล ซึ่งไม่มีข้อจำกัดจำนวนวัน และจำนวนครั้งที่ยื่น แต่เป็นไปตามเหตุความจำเป็น และเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะอนุญาตให้ขยายเวลาหรือไม่ กี่วัน ถ้าศาลเห็นว่าขยายเวลาเนิ่นนานเกินไปแล้วก็อาจจะไม่อนุญาต ก็จะต้องยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนด