THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

02 ตุลาคม 2561 : 18:23 น.

ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง แทน เทือกสุบรรณ กับพวก คดีรุกที่เขาแพง พบมีประเด็นข้อสงสัยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายพรชัย ฟ้าทวีพร ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น จำเลยที่1 / นายสามารถ หรือ โกเข็ก เรืองศรี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน จำเลยที่2 /นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. จำเลยที่3 และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ จำเลยที่ 4 ความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.ป่าไม้

ทั้งนี้ จากกรณีปี 2543-2544 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.วา ส่วนนายแทน และนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต

ในคดีนี้ศาลชั้นตั้น พิพากษาจำคุก จำเลยทั้งสี่คน 3-5ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่า เป็นความผิดร้ายแรง เพราะป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของชาติ ควรที่ประชาชนจะต้องร่วมกันหวงแหน บำรุงรักษาให้อุดมสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ไม่ให้เป็นของส่วนตัวแก่ผู้ใด ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสี่ มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของดิน น้ำ อากาศ และป่าไม้ทั้งโดยตรงและทางอ้อม อันเป็นต้นเหตุของความแห้งแล้ง และภัยพิบัติจากน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งจำเลยทั้งหมด ได้รับการประกันตัว

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ จำเลยทั้ง 4 คน เดินทางมาที่ศาล ด้วยสีหน้าปกติ พร้อมทนายความ ล่าสุด ศาลอุทรณ์อ่านคำพิพากษา แล้วเห็นว่า คำฟ้องจำเลยที่1-2 คือ นายพรชัย และนายสามารถคำบรรยายฟ้องไม่ชัดเจน ส่วนจำเลยที่ 3-4 คือ นายแทน และนายบรรเจิด พยานหลักฐานที่ยกมามีข้อสงสัยตามสมควรว่า ที่ดินป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ หรือไม่ ทั้งนี้หลักฐานจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้ว่าทั้ง 4 คนมีความผิดตามที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 ฟ้อง จึงมีคำพิพากษาแก้ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน โดยหลังรับฟังคำตัดสิน จำเลยทั้ง4คน เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ