THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

17 พฤษภาคม 2564 : 15:45 น.

ภูเก็ต-ชาวประมงแตกตื่นพบวัตถุลึกลับตกกลางทะเลภูเก็ตทัพเรือภาคที่ 3 ส่งเจ้าหน้าที่ EOD ปฏิบัติการทำลายวัตถุใต้น้ำสำรวจพบเป็นชิ้นส่วนของจรวดนำส่งดาวเทียม กระสวยอวกาศไม่ทราบของชาติใดตรวจแล้วไม่มีอันตราย

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค 3 ) แถลงข่าวการเก็บวัตถุต้องสงสัยบริเวณเกาะแอล จ.ภูเก็ต ขึ้นมาบนฝั่ง โดยมี พล.ร.ต.สุรัชฎ์ ศิริวรรณนาวี รองผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 3 , น.ส.ชิดชนก ชัยชื่นชอบ วิศวกรดาวเทียม GISTDA และ ผู้แทนกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าร่วมฯ ณ บริเวณสโมสรเรือใบ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3

พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าวว่า ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านว่า พบวัตถุต้องสงสัยในทะเลระดับความลึก 7 เมตร บริเวณด้านตะวันตกของเกาะแอล ตำบลฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงแจ้งศรชล.ภาค 3 ให้ตรวจสอบวัตถุดังกล่าว ทางศรชล.ภาค 3 ได้ประสานทัพเรือภาคที่ 3 ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่ EOD ปฏิบัติการทำลายวัตถุใต้น้ำ และ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่หมวดบินเฉพาะกิจศรชล.ภาค 3 ตรวจสอบวัตถุดังกล่าว โดยลงไปตรวจสอบและถ่ายภาพวัตถุดังกล่าวพบว่า เป็นวัตถุทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 45 เซนติเมตร สีอลูมิเนียม สภาพสมบูรณ์ มีวาวล์หัวท้าย ความยาวประมาณ9 เซนติเมตร จมอยู่บริเวณหัวเกาะแอลด้านตะวันตก ความลึก 6-7 เมตร ห่างจากเกาะประมาณ 20 เมตร จากนั้นชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้นำภาพถ่ายรูปลักษณ์ต่างๆมาวิเคราะห์ข้อมูล เบื้องต้น ได้จัดส่งให้กรมสรรพาวุธทหารเรือ ตรวจสอบวัตถุดังกล่าวที่ตรวจพบว่ามีสภาพเป็นวัตถุระเบิดหรือไม่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากกรมสรรพาวุธทหารเรือพบว่า วัตถุดังกล่าวน่าจะเป็นชิ้นส่วนของจรวด นำส่งดาวเทียม กระสวยอวกาศ ลักษณะน่าจะเป็นถังเชื้อเพลิง สามารถตรวจพบในอินเตอร์เน็ตว่า วัตถุดังกล่าวตกสู่พื้นโลกในหลายพื้นที่ หลังจากนั้นได้ประสานงานไปที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)หรือGISTDA และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตรวจสอบว่าวัตถุดังกล่าวเป็นถังเชื้อเพลิงของกระสวยอวกาศหรือจรวดนำส่งดาวเทียมตามที่เห็นในอินเตอร์เน็ตหรือไม่

" เจ้าหน้าที่จากทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวคือถังเชื้อเพลิงของจรวดนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศหรือเป็นถังเชื้อเพลิงของกระสวยอวกาศ ตกลงมาพื้นโลก และจมอยู่ใต้ทะเล จากนั้น เจ้าหน้าที่ GISTDA ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าถังเชื้อเพลิงดังกล่าวปกติจะบรรุสารเคมีที่ประกอบด้วยแอมโมเนียและไฮโดรเจนใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานนำส่งดาวเทียม หรือกระสวยอวกาศและตกกลับมาที่พื้นโลก สารเคมีดังกล่าวมีพิษต่อร่างกาย อาจจะทำให้ผู้ที่สัมผัสโดยตรงหรือสูดดมเป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายได้ "พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้น ได้ดำน้ำลงไปดูสภาพของสารเคมีในถังเชื้อเพลิงพบว่าไม่มีการรั่วไหลของสารเคมีจากตัวถังเชื้อเพลิง และตรวจสอบโดยรอบพบว่า มีสัตว์น้ำ หอยเม่น เพลียง สภาพแวดล้อมไม่กระทบสัตว์น้ำ แสดงว่าสารเคมีดังกล่าวอาจใช้ไปหมดแล้วจึงเก็บกู้ขึ้นมาจากใต้น้ำลำเลียงมาที่กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เตรียมนำส่งให้GISTDA เพื่อเป็นการศึกษาวิจัยด้านอวกาศ เพราะว่า วัตถุที่ตกจากท้องฟ้า มีที่มา อาจเป็นวัตถุนำส่งจากดาวเทียม นำส่งยานอวกาศ ของ ชาติใดชาติหนึ่ง ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและจมอยู่ที่บริเวณตะวันตกของเกาะแอลที่ค้นพบ สำหรับวัตถุดังกล่าวไม่มีอันตรายแล้ว น่าจะเป็นวัตถุที่ตกลงมานานแล้ว และสารเชื้อเพลิงได้ถูกใช้ไปหมดแล้วตั้งแต่การนำส่งยานอวกาศ ไม่มีอันตรายต่อบุคคลและสภาพแวดล้อม

" หากมีการตรวจพบวัตถุดังกล่าวในพื้นที่อื่น ขอแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสโดยตรง ซึ่งสารที่อยู่ในถังเชื้อเพลิงเป็นสารพิษ อันตรายต่อร่างกาย หากตรวจพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ศรชล.ภาค 3 หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพื่อประสานงานในการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการเก็บกู้ ขอให้มั่นใจว่า ศรชล.ภาค 3 จะดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดในทะเลขอให้ประชาชนมั่นใจแจ้งข่าวสารกับทางราชการจะทำให้ไม่เกิดอันตรายกับเหตุการณ์ดังกล่าว การตรวจพบครั้งนี้เป็นครั้งแรก วัตถุดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยการพัฒนาทางด้านอวกาศของประเทศไทย โดย สถาบันGISTDA มีหน้าที่สำรวจอาจเป็นการตามหาเจ้าของที่นำส่งจรวดและชิ้นส่วนนี้ตกลงในทะเลภูเก็ต หรือ อาจจะนำไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้เห็นถึงสภาพวัตถุท้องฟ้าตกมายังพื้นโลกสามารถตกที่ไหนก็ได้เป็นอันตราย หากไปตกบนแผ่นดิน บ้านเรือนประชาชน " พล.ร.ท.เชิงชาย กล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ