ผู้ต้องขังติดโควิดกว่า 10,384 คนแล้ว! "สมศักดิ์" ประสาน"อนุทิน" ขอวัคซีนฉีดผู้ต้องขังทุกคน เร่งพิจารณาพักโทษผู้ต้องหารูปแบบพิเศษ
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 64 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าว กรณีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขแล้วผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19ในเรือนจำต่างๆอยูที่ 10,384 คน หลังจากนี้ทกเรือนจำจะต้องเน้นการตรวจเชิงรุก ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ส่วนกลางทุกคนที่มีอยู่จำนวน 55,000 คนพร้อมรายงานยอดผู้ป่วยให้ครบทุกเรือนจำและทุกวัน พร้อมสืบข้อเท็จจริงและสาเหตุของการแพร่ระบาด ส่วนการรักษาและดูและผู้ป่วยก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแล ต่อเนื่องทั้งการใช้ยาฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียมาใช้ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่ติดเชื้อไม่มีอาการ และกลุ่มสีเหลืองที่เริ่มมีอาการ
ทั้งนี้ ผู้ต้องขังต้องอยูในเรือนจำไปไหนไม่ได้ 100 %การถูกล้อมขยับขยายไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแก้ไข้ปัญา ห้องนอน อยู่อย่างแออัด ดังนั้นผู้ต้องขังและผู้คุม ที่ไม่ติดเชื้อในทุกเรือนจำ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ทุกๆสัปดาห์ ทุกๆเรือนจำจะต้องประกาศให้รู้ว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อและไม่ติดเชื้อจำนวนเท่าใด.มีรายชื่อระบุชัดเจนเพื่อให้ญาติผู้ต้องขังตรวจสอบได้ ไม่เว้นวันหยุดราชการ
"ปัญหาที่ต้องเตรียมรับมือคือ การขาดแคลนแพทย์ พยาบาล เครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ พื้นที่รองรับผู้ต้องขังป่วยที่มีจำนวนมากหลังการแพร่ระบาด ขณะที่จำนวนผู้ต้องขังที่มีอยู้ก็ล้นเกินพื้นที่รองรับ ดังนั้นจะเร่งพิจารณาการพักโทษในรูปแบบพิเศษ เช่น การติดกำไล EM สำหรับการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ รักษาผู้ต้องขัง 10,000 คน หัวหนึ่ง 5,000 บาท จะใช้เงินถึง 50 ล้านบาท แต่หากใช้วัคซีนกับผู้ต้องขัง 300,000 คนหัวละ 1,000 บาท จะใช้ 300 ล้านบาท เพื่อจะหยุดเชื้อในเรือนจำได้ทั้งหมด"นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ ย้ำว่า จะเร่งประสานไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข เพื่อขอให้ดำเนินการ และหวังว่าทางนายอนุทินจะเข้าใจและ ส่วนสถานการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ขณะนี้ได้ใช้วิธีการบับเบิ้ล แอนด์ซีล ควบคุมในเรือนจำ โดยมีการร่วมมือกับส่วนราชการต่างๆในจังหวัด และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ปิดบังหรือปกปิดข้อมูล แต่กรณีที่หากไม่สามารถทำให้ถูกต้องได้ต้องมีคนรับผิดชอบ จะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้
ขณะที่นายอายุตม์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขัง 15 เรือนจำติดเชื้อ โดยมี 8 เรือนจำใน กทม.และปริมณฑลที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ เช็คตัวเลขทุกวัน มียอดผู้ติดเชื้อเท่าไร รักษาหายเท่าไร จะมีการติดตามทุกวัน ส่วนเจ้าหน้าที่มีติดเชื้อ 33 ราย เหลือที่ยังไม่หาย 17 ราย ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ประสานงานกับศาลแล้ว และทางศาลเข้าใจและอำนวยประโยชน์ทุกทาง