ผู้ว่าฯกทม.ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนแบบเร่งด่วนให้ประชาชนในชุมชนคลองเตย ตั้งเป้าฉีดให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด 50,000 คน พร้อมเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ให้ได้วันละ 1,000 คน
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักอนามัย สำนักการแพทย์ ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย โดยจัดบริการฉีดให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตคลองเตย เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในชุมชนพื้นที่เขตคลองเตย ณ โรงเรียนวัดคลองเตย และ ศูนย์สรรพสินค้าโลตัส สาขาพระราม 4 เขตคลองเตย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาดหม ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในชุมชนเขตคลองเตย มีประชาชนตามข้อมูลกว่า 80,000 คน จึงได้ให้กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ลงพื้นที่ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก รวมทั้งได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กรุงเทพมหานครนำไปฉีดให้แก่ประชาชนในชุมชนคลองเตย จำนวน 50,000 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนประชาชนทั้งหมดในชุมชนคลองเตย
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้กำหนดจุดให้บริการฉีดวัคซีน 2 จุดได้แก่ บริเวณวัดคลองเตย และศูนย์สรรพสินค้าโลตัส สาขาพระราม 4 สำหรับวันนี้ (4 พ.ค. 64) ซึ่งเป็นวันแรกของการให้บริการฉีดวัคซีน คาดว่าจะมีผู้เข้ารับวัคซีนประมาณ 1,000 คน จากนั้นตั้งเป้าฉีดให้ได้วันละ 2,500-3,000 คน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดจำนวน 50,000 คน (คิดเป็นร้อยละ70 ของจำนวนคนในชุมชนทั้งหมด) นอกจากนี้กรุงเทพมหานครจะเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ให้ได้วันละ 1,000 คน โดยดำเนินการต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พ.ค. นี้
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีเป้าหมายจะให้บริการฉีดวัคซีนประชาชนทุกคนในชุมชนคลองเตยที่พร้อมและสมัครใจรับการฉีดวัคซีน ขอให้ประชาชนทราบว่า การรับการฉีดวัคซีนนั้น นอกจากจะเป็นผลดีต่อตนเองที่จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว ยังเป็นผลดีต่อครอบครัวของท่านที่จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งยังเป็นผลดีต่อสังคมส่วนรวมเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของสังคมด้วย
“อย่างไรก็ดี ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ได้แก่ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านหรืออยู่ในพื้นที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทั้งนี้เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อันเป็นการสร้างความปลอดภัยให้ตนเองและประชาชนทั่วไปด้วย” ผู้ว่าฯกทม.กล่าว