โลกอาจไม่ใช่ดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
การค้นพบก๊าซฟอสฟีนในชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ทำให้ประเด็นเรื่องสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก (extraterrestrial life) บนดาวที่ได้ชื่อว่าดาวฝาแฝดของโลกดวงนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง
1.อันที่จริงมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดาวศุกร์มาช้านานแล้ว แต่หลังจากช่วงต้นทศวรรษ 1960 ที่มีการส่งยานอวกาศไปศึกษาดาวดวงนี้ก็พบว่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ เนื่องจากมีสภาพสิ่งแวดล้อมสุดขั้วมากเมื่อเทียบกับโลก
2.ดาวศุกร์มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หนาแน่นและดูดซับความร้อนไว้ไม่ระบายออกสู่ชั้นบรรยากาศจนเกิดภาวะเรือนกระจกอย่างรุนแรง ส่งผลให้อุณหภูมิของดาวศุกร์สูงถึง 462 องศาเซลเซียส ขณะที่ความดันบรรยากาศพื้นผิวเข้มข้นมากกว่าโลกเกือบ 100 เท่า หรือเทียบเท่ากับการดำน้ำในมหาสมุทรบนโลกที่ความลึก 1 กิโลเมตร และยังมีสภาพเป็นกรดอย่างรุนแรง
3.ด้วยสภาพแวดล้อมสุดขั้วเช่นนี้ บวกกับสภาพอากาศที่มีทั้งฟ้าแลบฟ้าผ่าเกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลา ทำให้ดาวเพื่อนบ้านของดาวโลกไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
4.แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งที่ตั้งสมมติฐานว่า แบคทีเรียที่ชอบอุณหภูมิสูงอาจอาศัยอยู่ในชั้นบรรยากาศด้านบนของดาวศุกร์ เนื่องจากในระดับความสูงประมาณ 50-65 กิโลเมตรจากพื้นผิว ชั้นบรรยากาศนี้มีอุณหภูมิและความดันอากาศคล้ายโลก
5.ความสงสัยนี้ผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์ส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวศุกร์มากมาย (ดาวศุกร์มียานอวกาศลงไปสำรวจมากที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยยานแทบจะทั้งหมดมาจากสหภาพโซเวียต) โดยในปี 1961 ยานอวกาศเวเนรา 1 (Venera 1) ของสหภาพโซเวียตเป็นยานอวกาศลำแรกที่บินผ่านดาวศุกร์ ส่วนยานมารีเนอร์ 2 ของสหรัฐเป็นยานอวกาศลำแรกที่บินผ่านดาวศุกร์แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังโลกได้สำเร็จในปี 1962
6.ปี 1967 ยานเวเนรา 4 (Venera 4) เป็นยานอวกาศลำแรกที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศและสำรวจชั้นบรรยากาศโดยตรง แต่ถูกเผาไหม้ก่อน ต่อมาในปี 1970 ยานเวเนรา 7 (Venera 7) ลงสู่พื้นผิวของดาวศุกร์ได้เป็นลำแรก และส่งข้อมูลเกี่ยวกับพื้นผิวของดาวกลับมายังโลกได้ราว 53 นาที หลังจากนั้นยานอวกาศของโซเวียตอีก 8 ลำก็สำรวจดาวศุกร์ได้สำเร็จ
7.ปี 1989 ยานอวกาศแม็กเจลแลน (Magellan) ของสหรัฐประสบความสำเร็จในการทำแผนที่ดาวศุกร์โดยใช้เรดาร์ช่องเปิดสังเคราะห์ (SAR)
8.เดือน ส.ค.2019 นักดาราศาสตร์พบการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบของการดูดซับแสงอัลตราไลโอเล็ตในระยะยาวและการสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ในชั้นบรรยากาศและสภาพอากาศของดาวศุกร์ ซึ่งเกิดจากตัวดูดกลืนลึกลับที่อาจจะรวมถึงสารเคมีหรือแม้แต่อาณานิคมของจุลินทรีย์ที่อยู่สูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ
9.นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยเมื่อเดือน ก.ย.2019 ที่สรุปว่า ดาวศุกร์อาจมีน้ำอยู่บนพื้นผิวและมีสภาพเหมาะกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ 3,000 ล้านปี และมีสภาพเช่นนี้อยู่จนถึงเมื่อ 700-750 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งหากข้อสรุปนี้ถูกต้องก็เป็นระยะเวลาเพียงพอที่สิ่งมีชีวิตจะพัฒนาขึ้นมา
10.เดือน ม.ค.2020 นักดาราศาสตร์พบหลักฐานว่าดาวศุกร์อยู่ในสภาพภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ และเศษตะกอนเหล่านี้อาจเป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ในชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์
11.นอกเหนือจากการค้นพบความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกแล้ว ยังมีรายงานว่ามีสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกมาเยือนโลกของเราและมีผู้คนอ้างว่าพบเห็นอีกหลายครั้ง
12.เบตตี้ บาร์นี่ คู่สามีภรรยาฮิลล์ขับรถกลับจากพักร้อนในช่วงวันหยุด ระหว่างทางนั้นทั้งสองได้เห็นวัตถุที่มีแสงสว่างเจิดจ้า เมื่อกลับถึงบ้านเขารู้สึกสกปรก เสื้อผ้าถูกฉีกขาด นาฬิกาหยุดเดิน สันนิษฐานว่า พวกเขาถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป หลายปีผ่านมาพวกเขาก็ถูกนำตัวกลับมาส่งที่โลกอีกครั้ง
13.คาร์วิน ปาร์กเกอร์ และชาร์ล ฮิกซัน อ้างว่าพบเห็นยูเอฟโอสีเงินขนาดใหญ่ และถูกยานลำนั้นลักพาตัวในปี 1973 พวกเขาได้ยินเสียงประหลาดขณะกำลังตกปลาที่ท่าเรือในมิสซิสซิปปี เขายังเห็นไฟกระพริบสีฟ้า 2 ดวงเป็นวงรี 30-40 ฟุต สูง 8-10 ฟุต พวกเขาเล่าว่าสิ่งมีชีวิตสามตัว พาเขาขึ้นไปบนยานลำนั้นและนำไปทำการทดลองก่อนที่จะปล่อย
14.คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่ระหว่างนั้นเองพวกเขาก็ได้พบเห็นวัตถุบินลึกลับหน้าตาคล้ายแผ่นดิสก์บางๆ พวกเขาเลยได้เข้าไปดูใกล้ๆ แต่หลังจากนั้นก็มีแสงสว่างวาบมาที่ร่างของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มชื่อ ทราวิส วอลตัน หลังจากนั้นทราวิสก็โดนลักพาตัวหายไปนาน 5 วันก่อนจะถูกปล่อยกลับออกมา
15.ปี 1988 จอห์น แซลเทอร์ ศาสตราจารย์สังคมวิทยาชาวอเมริกันและลูกชาย กำลังขับรถกลับบ้านจากรัฐวิสคอนซิน มุ่งหน้าสู่รัฐมิสซิสซิปปี จอห์นและลูกชายจำไม่ได้ว่าถูกจับตัวอย่างไร แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ตัวเตี้ย กำลังจะทำการทดลองบางอย่างกับร่างกายของพวกเขาในห้องสว่างสีขาว พวกเขาถูกสอดท่อเข้าในโพรงจมูก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองที่จอห์นอธิบายว่ามันเต็มไปด้วยความมีจริยธรรม ไม่โหดร้าย และไร้ซึ่งความเจ็บปวด หลังถูกปล่อยตัว จอห์นรู้สึกว่าตัวเองมีสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม มีภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น บาดแผลรักษาหายรวดเร็วขึ้น เส้นผมและเล็บมือเล็บเท้ายาวไวกว่าปกติถึง 3 เท่า และที่สำคัญ ริ้วรอยตามวัยของเขากลับดูตื้นขึ้นอย่างมาก
เรียบเรียงจาก:
https://en.wikipedia.org/wiki/Life_on_Venus#cite_note-NYT-20200109-21
https://www.history.com/news/first-alien-abduction-account-barney-betty-hill
https://en.wikipedia.org/wiki/Pascagoula_Abduction
https://en.wikipedia.org/wiki/Travis_Walton_UFO_incident
https://www.appalachianghostwalks.com/USUFOCenter/ufologist/booth/salter1.html