.
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า แผนสังหารนายพลของอิหร่านเกิดขึ้นแบบฉับพลัน มีเพียงคนใกล้ชิดและเกี่ยวข้องไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบเรื่อง
ชื่อของ กัสซิม โซเลมานี นายพลคนสำคัญของอิหร่าน หลอกหลอนคนอเมริกันมานานกว่า 2 ทศวรรษจากปฏิบัติการโจมตีและสังหารทหารอเมริกันในตะวันออกกลางหลายต่อหลายครั้ง
ด้วยความที่นายพลคนนี้มีอิทธิพลในระดับเป็นเบอร์สองของอิหร่าน ทำให้ผู้นำคนก่อนๆ ของสหรัฐไม่เสี่ยงไปแตะต้องเขา
แต่ความอดกลั้นของสหรัฐมาสิ้นสุดลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อสังหารโซเลมานี ใกล้กับสนามบินในกรุงแบกแดดของอิรัก
แหล่งข่าววงใน 3 คนเผยกับรอยเตอร์สว่า การตัดสินใจปลิดชีพโซเลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษกองกำลังกุดส์ (Quds Force) เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้สหรัฐถูกกองกำลังที่อิหร่านหนุนหลังโจมตีเสียชีวิตที่ฐานทัพของสหรัฐในอิรักเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ปีที่แล้ว ทรัมป์ก็เริ่มสั่งที่ปรึกษาระดับสูงให้เริ่มวางแผนสังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่าน
หนึ่งในแหล่งข่าววงในยังเผยอีกว่า ทรัมป์เพิ่งจะขอให้ฝรั่งเศสและพันธมิตรช่วยเตือนอิหร่านเรื่องการสังหารพลเมืองอเมริกัน และสำหรับทรัมป์ถือว่าอิหร่านล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว
ในช่วงที่กำลังวางแผนปลิดชีพโซเลมานี ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของชาติของทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็น มิก มุลเวนีย์ รักษาการเสนาธิการทำเนียบขาว, โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้าความมั่นคงชาติ, ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ต่างใช้เวลาในช่วงวันหยุดกับครอบครัวอยู่ตามเมืองต่างๆ ของสหรัฐ การหารือแผนจึงต้องทำผ่านสายโทรศัพท์ที่มีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากต้องรักษาความลับสุดยอด
แม้แต่วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม ที่ออกรอบตีกอล์ฟกับทรัมป์ และสมาชิกสภาคองเกรสคนอื่นก็ไม่ทราบล่วงหน้า
ในระหว่างที่ที่ปรึกษากำลังวางแผนกันอย่างเคร่งเครียด ทรัมป์ยังทำตัวตามปกตินั่นก็คือ เดินทางไปสนามกอล์ฟมาร์อาะลาโกราวกับว่าไม่มีเหตุการณ์สำคัญกำลังจะเกิดขึ้น
รอยเตอร์สยังรายงานอีกว่า ก่อนลงมือปฏิบัติการปลิดชีพโซเลมานี ทรัมป์ยังสั่งให้หน่วยพลร่มที่ 82 เข้าไปเตรียมพร้อมที่ตะวันออกกลาง โดยพลร่มจำนวน 750 นายได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าวล่วงหน้า 2 วันก่อนลงมือ
ผู้ที่ใกล้ชิดกับการวางแผน 2 คนเผยกับรอยเตอร์สว่า มีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยที่รีสอร์ทมาร์อะลาโก
เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่าโซเลมานีเดินทางไปยังกรุงแบกแดดของอิรักเพื่อเตรียมปฏิบัติการโจมตีกองกำลังของสหรัฐ โดยสหรัฐและอีกหลายประเทศต่างจับตามองการเคลื่อนไหวของนายพลคนสำคัญคนนี้มาตลอด และเชื่อว่าโซเลมานีเดินทางเข้าเมืองหลวงของอิรักผ่านประเทศที่สาม คือเลบานอนหรือซีเรีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐบอกว่าช่วงสัปดาห์ก่อนถูกสังหาร กองทัพสหรัฐไม่ได้จับตาดูโซเลมานีโดยตรง แต่ลงมือสังหารหลังจากหน่วยข่าวกรองยืนยันว่าโซเลมานีจะปรากฏตัวที่สนามบินในกรุงแบกแดด
สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดกับปฏิบัติการ 2 นายที่ระบุว่า สหรัฐได้รับข้อมูลที่อยู่ของโซเลมานีทันทีที่เขาปรากฏตัวที่สนามบิน
โซเลมานีคือเป้าหมายหลักของการโจมตี ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับสนามบินในกรุงแบกแดด ทว่ายังมีคนที่ร่วมทางด้วยเสียชีวิตอีก รวมทั้งอาบู มาห์ดี อัล มูฮันดีส์ ผู้บัญชาการกลุ่มติดอาวุธ PMF ของอิรักที่อิหร่านหนุนหลังที่เคยโจมตีฐานทัพของสหรัฐ
ด้านเหตุผลในการสังหารนายพลเบอร์สองของอิหร่านที่ไม่เคยมีผู้นำสหรัฐคนไหนกล้าทำมาก่อน ทรัมป์เพียงแต่เผยบางส่วนผ่านทวิตเตอร์ 1 วันให้หลังการลงมือว่าโซเลมานี “ทำให้ชาวอเมริกันบาดเจ็บและเสียชีวิตนับพันคน” และ “กำลังวางแผนเตรียมฆ่าอีกหลายคน”
และยังเผยขณะแถลงข่าวสั้นๆ จากมาร์อะลาโกในเวลาต่อมาว่า “เราปฏิบัติการเมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อหยุดยั้งสงคราม เราไม่ได้ทำเพื่อก่อสงคราม”