ช้าแต่ชัวร์ คิมนั่งรถไฟมาเวียดนาม
การประชุมสุดยอดคิม-ทรัมป์ รอบที่ 2 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ แต่ฝั่ง คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เริ่มขยับแล้ว แต่การขยับของท่านผู้นำคิม ไม่ใช่การแสดงท่าทีทางการเมืองที่โลกต้องเงี่ยหูฟัง เพราะความเคลื่อนไหวที่ว่านี้ เป็นการขยับเดินทางจากเกาหลีเหนือมายังเวียดนามแต่เนิ่นๆ โดยคาดว่าจะใช้เวลานานถึง 5 วัน
สาเหตุที่นานขนาดนั้น เพราะคิมเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟผ่านจีนทั้งประเทศมายังฮานอย แทนที่จะนั่งแอร์ฟอร์ซวันเหมือนทรัมป์ ซึ่งถ้าคิมเดินทางด้วยเครื่องบินมาจากกรุงเปียงยางยังฮานอย จะใช้เวลาไม่เกิน 5 ชม.
คิมจองอึนเดินทางมาถึงเมืองตานตง ชายแดนจีน-เกาหลีเหนือเมื่อเวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศจีน หรือ 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และจากนี้จะเริ่มการเดินทาง 4,000 กม. ยาวนานกว่า 60 ชม.มายังฮานอย คาดว่าผู้ที่ร่วมขบวนรถไฟระดับวีไอพีมาด้วยคือ คิมโยจอง น้องสาวที่ทำหน้าที่เสมือนมือขวา และ คิมยองชอล อดีตนายพลที่เป็นนักเจรจาอันดับหนึ่งของเขา
รถไฟขบวนนี้เริ่มเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง ผ่านเส้นทางเปียงยาง (พย็องอึยซอน) มีระยะทาง 225.1 กม. มีปลายทางอยู่ที่เมืองชินอุยจู ที่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองตานตงของจีน ถือเป็นเส้นทางหลักของประเทศ หลังสงครามเกาหลี จีนได้ช่วยซ่อมแซมและเชื่อมต่อให้เป็นเส้นทางเปียงยาง-ปักกิ่ง และผู้นำเกาหลีเหนือตั้งแต่ คิมอิลซอง คิมจองอิล และคิมจองอึน เดินทางด้วยรถไฟไปเยือนจีนหลายครั้ง ครั้งล่าสุดคือเดือน ม.ค. และในเวลานี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางประวัติศาสตร์ที่พาคิมไปยังฮานอย
มาถึงรถไฟที่คิมโดยสารไปฮานอย รถขบวนนี้ก็ไม่ธรรมดา หากจะเปรียบก็คงเทียบได้กับแอร์ฟอร์ซวันของประธานาธิบดีสหรัฐ จากข้อมูลเมื่อครั้งที่คิมจองอิลยังเป็นผู้นำประเทศ ขบวนรถวีไอพี ประกอบด้วยขบวนรถ 6 โบกี้ รวมทั้งหมด 90 ตู้ มีการประดับประดาและติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกเต็มพิกัด เช่น โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม เพื่อให้ท่านผู้นำสามารถรับฟังรายงานสรุปได้ทุกที่
แม้ว่าจะหรูหราและทันสมัย แต่ขบวนรถนี้เดินทางได้เพียง 60 กม.ต่อ ชม. สาเหตุเพราะความกังวลเรื่องความปลอดภัย หลังเกิดอุบัติเหตุระเบิดที่ระบบรางในเมืองรย็องชอน ใกล้พรมแดนจีน ทำให้ต้องมีการแบ่งขบวนเดินทางออกเป็น 3 ตอน คือ ขบวนแรกวิ่งนำไปก่อนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ขบวนกลางเป็นรถของท่านผู้นำ มีระยะวิ่งห่างจากขบวนแรก 20 นาที และขบวนตามหลัง เป็นของเจ้าหน้าที่ติดตามและอุปกรณ์สื่อสาร
เมื่อมีการประกาศกำหนดการเดินทางแล้ว จะมีการเคลียร์พื้นที่เส้นทางที่ผ่านเป็นเวลา 24 ชม.ก่อนที่ขบวนรถจะไปถึง
ส่วนสาเหตุที่ผู้นำเกาหลีเหนือนิยมเดินทางโดยรถไฟเริ่มมาจากสมัยของคิมจองอิล บิดาผู้ล่วงลับของคิมจองอึน โดย คิมจองอิลนั้นหวาดกลัวการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นที่สุด จึใช้รถไฟเป็นทางเลือกในการเดินทางไปดูงานพื้นที่ต่างๆ ของประเทศรวมถึงต่างประเทศ แต่สุดท้ายเขากลับเสียชีวิตระหว่างการเดินทางโดยรถไฟนั่นเอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขบวนรถไฟท่านผู้นำเดินทางออกจากเกาหลีเหนือไปยังต่างแเดน นับตั้งแต่สมัยของคิมอิลซอง เขาเริ่มใช้รถไฟขบวนนี้เดินทางไปไหนต่อไหนตั้งแต่ปี 1974 โดนเฉพาะการเดินทางจากเกาหลีเหนือผ่านจีนไปยังสหภาพโซเวียต แล้วต่อไปยังนานาประเทศในยุโรปตะวันออก นับเป็นการเดินทางข้าม 2 ทวีปเลยทีเดียว
หลังจากคิมอิลซองตายไป คิมจองอิลผู้เป็นบุตรสืบทอดอำนาจต่อ เขาใช้รถไฟขบวนนี้เดินทางไปยังรัสเซียในปี 2001 มีรายงานว่า สภาพความเป็นอยู่บนรถไฟจำนวน 22 ตู้หรูหรามาก มีการเสิร์ฟล็อบสเตอร์ และไวน์ชั้นเลิศจากบอร์โดซ์และโบโชเลส์ ที่ส่งตรงมาจากกรุงปารีส โปรดสังเกตว่า ความฟุ้งเฟ้อของรถไฟวีไอพี ต่างกันกับภาพชีวิตของชาวเกาหลีเหนือในเวลาเดียวกัน ซึ่งต้องผจญกับวิกฤตขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง แทบจะตลอดยุคของคิมจองอิล
ต่อมาในเดือน ส.ค. 2011 คิมจองอิลใช้รถไฟเดินทางไปยังเมืองอูลานอูเด แคว้นบูเรียต ทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย เพื่อพบปะกับอดีตประธานาธิบดี วลาดิมีร์ เมดเวเดฟ แต่หลังจากนั้นไม่นานคิมจองอิลเสียชีวิตบนรถไฟหรูในเดือน ธ.ค.ปีเดียวกัน
ผ่านมา 7 ปี คิมจองอึนบุตรชายของเขา ใช้รถไฟวีไอพีเดินทางไปยังปักกิ่ง เพื่อพบปะกับ สีจิ้นผิง เมื่อเดือน มี.ค. 2018 และล่าสุดเขาใช้รถขบวนเดิมเดินทางมายังจีน เพื่อที่จะไปพบกับทรัมป์ที่ฮานอย
ภาพ
- Photo by STR / AF
- REUTERS/Jason Lee