WORLD NEWS

โดย M2F Writer

07 กุมภาพันธ์ 2562 : 14:23 น.

รายงานพิเศษต่างประเทศ

แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยจะชี้แจงแล้วว่า ประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกรณีการจับกุมตัว ฮาคีม อัล อาไรบี โดยบังเอิญ เพราะเป็นฝ่ายตำรวจสากลในออสเตรเลียเองที่ส่งหมายจับมาให้ไทย แต่กว่าจะแจ้งกับไทยว่าหมายจับดังกล่าวขัดต่อสถานะผู้ลี้ภัยของฮาคีม ไทยก็ได้รับหมายจับจากบาห์เรนแล้ว ทำให้เกิดความลักลั่นขึ้น และกลายเป็นมหากาพย์การชิงตัวฮาคีม โดยที่ไทยทำอะไรก็ไม่ถูกในสายตาชาวโลก

แม้จะเป็นความเลินเล่อของออสเตรเลีย แต่ดูเหมือนว่าทั้งภาครัฐและภาคประชาชนของออเสตรเลียจะไม่ยอมรับ “ข้อเท็จจริง” ในเรื่องนี้ อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี สก็อต มอร์ริสัน ยังกดดันไทยอีกครั้งให้ปล่อยตัวฮาคีมอย่างต่อเนื่อง และบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นภาพของฮาคีมเดินใส่ตรวนนักโทษ และได้เขียนจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อย้ำว่าตัวเขาและชาวออสเตรเลียรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ต่อไปนี้เป็นการเปิดเผยความผิดพลาดของฝ่ายออสเตรเลียเองที่ทำให้ฮาคีมต้องตกอยู่ในสถานะอันลักลั่นในไทย และความจริงเกือบทั้งหมดของเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2018 แต่เมื่อถึงปลายเดือน ม.ค.-ต้นเดือน ก.พ. 2019 ดูเหมือนว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะโยนความรับผิดชอบมาให้ไทยเพียงฝ่ายเดียว

ธ.ค. 2018

กระทรวงมหาดไทยออสเตรเลียยอมรับว่า สำนักงานตำรวจสากลออสเตรเลียเป็นผู้ออกหมายเตือนสีแดงแจ้งไปยังทางการไทยว่า ฮาคีมกำลังจะเดินทางมาไทย โดยอธิบายว่าเป็นกระบวนการอัตโนมัติ แต่ก็อ้างในทำนองปัดความรับผิดชอบว่าแต่ละประเทศมีระเบียบต่างกัน ส่วนออสเตรเลียจะไม่จับใครก็ตามที่มีหมายเตือนสีแดง

ธ.ค. 2018

หนังสือพิมพ์ Guardian Australia รายงานว่า องค์การตำรวจสากลเพิ่งจะออกหมายเตือนสีแดง เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2018 และทางการไทยระบุว่า ได้รับหมายเตือนสีแดงจากสำนักงานตำรวจสากลสาขาออสเตรเลีย ซึ่งมีสำนักงานที่เดียวกับกรมตำรวจรัฐบาลกลางออสเตรเลีย

ธ.ค. 2018

เว็บไซต์ข่าวเจาะลึก crikey.com.au ในออสเตรเลีย อ้างแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลบาห์เรนส่งคำร้องไปยังตำรวจสากลเพื่อให้ดำเนินการกับฮาคีม โดยส่งคำร้องในวันที่ 8 พ.ย. หรือวันเดียวกับที่เขาได้รับวีซ่าให้เดินทางมาฮันนีมูนในประเทศไทย

ธ.ค. 2018

สำนักข่าว ABC สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงที่กล่าวว่า ทางการออสเตรเลียต้องส่งหมายเตือนไปยังไทย เพราะมีพันธกรณีกับองค์การตำรวจสากล

ธ.ค. 2018

เพื่อที่จะช่วยให้ฮาคีมรอดพ้นจากการถูกส่งตัวไปยังบาห์เรน มีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียมอบสัญชาติถาวรให้กับเขา แต่ Guardian รายงานว่า กระทรวงมหาดไทยมีท่าทีที่เย็นชาต่อข้อเสนอดังกล่าว บอกว่าไม่มีอำนาจมอบสัญชาติโดยอัตโนมัติ

ธ.ค. 2018

Fair Trial ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมทั่วโลก มีจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงมหาดไทยออสเตรเลีย ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในออสเตรเลียต้องทราบดีว่า ตามระเบียบของตำรวจสากลจะออกหมายเตือนสีแดงให้กับผู้ที่สถานะลี้ภัยไม่ได้ “ไม่ต้องสงสัยว่า AFP (กรมตำรวจรัฐบาลกลาง) ที่ทำหน้าที่ตำรวจสากลสาขาออสเตรเลีย ควรจะทราบนโยบายนี้ และหากทราบสถานะผู้ลี้ภัยของฮาคีม ก็ควรจะทราบด้วยว่าหมายเตือนสีแดงของบาห์เรนเป็นโมฆะ”

ม.ค. 2019

สำนักข่าว SBS ในออสเตรเลียรายงานว่า เกิดกระแสเรียกร้องให้ตั้งรัฐสภาคณะสอบสวนว่ารัฐบาลมีส่วนพัวพันต่อการที่ฮาคีมถูกจับกุมหรือไม่ โดยหนึ่งในผู้ผลักดันกระแสเรียกร้องนี้คือสภาสหภาพแรงงานแห่งออสเตรเลีย (ACTU) หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลโดย Fair Trial ว่า รัฐบาลออสเตรเลียมีส่วนรับผิดชอบกับการออกหมายเตือน

ม.ค-ก.พ. 2019

เมื่อใกล้จะถึงการพิจารณาคดีฮาคีมอีกครั้ง รัฐบาลออสเตรเลียเริ่มเรียกร้องให้ทางการไทยส่งตัวฮาคีมกลับออสเตรเลียโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมกับเกิดกระแสกดดันไทยในหมู่ประชาชน จนกระทั่งนำไปสู่กระแสต่อต้านและคว่ำบาตรไทย เมื่อกระแสรุนแรงขึ้น ทางการไทยต้องออกมาย้ำข้อเท็จจริงอีกครั้งว่า ความผิดพลาดทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นที่รัฐบาลออสเตรเลีย

ก.พ. 2019

ท่ามกลางกระแสต่อต้านไทย ยังมีชาวออสเตรเลียจำนวนหนึ่งที่ทราบความจริงและเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติตระหนักว่า รัฐบาลของพวกเขาคือต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ เช่น The Juice Media สื่อที่นำเสนอเนื้อหาเสียดสีรัฐบาลออสเตรเลียมาโดยตลอด ระบุว่า “โปรดตระหนักว่า หลังจากมอบวีซ่าผู้ลี้ภัยให้เขา เพื่อหลีกเลี่ยงการคุมขังและการทรมานด้วยโทษทางการเมืองในบาห์เรน และยังยืนยันกับเขาว่าการเดินทางไปไทยเพื่อฮันนีมูนนั้นปลอดภัย กรมตำรวจรัฐบาลกลางออสเตรเลียกลับส่งหมายเตือนไปยังทางการไทยว่า ฮาคีมกำลังเดินทางไปถึง และยังมีหมายจับ (ที่เป็นโมฆะ) รอส่งตัวเขากลับไปยังบาห์เรน ใช่แล้ว คือ ประเทศเดียวกับที่เรามอบสถานะผู้ลี้ภัยให้เขานั่นเอง”

ภาพ - REUTERS/Athit Perawongmetha

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ