วิเคราะห์สถานการณ์โลก

เมื่อ 100 กว่าปีก่อน อังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมหนึ่งในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีกองเรือที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน โดยฐานที่มั่นหลักของอังกฤษในเวลานั้นคือ สิงคโปร์ แต่ความแข็งแกร่งของอังกฤษเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ราชนาวีอังกฤษในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบกับความปราชัยย่อยยับด้วยน้ำมือญี่ปุ่น และยังต้องมาเสียสิงคโปร์ในยุทธการที่สิงคโปร์เมื่อปี 1942 ทั้งๆ ที่มีกำลังพลถึง 85,000 นาย เทียบกับญี่ปุ่นเพียง 36,000 นายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล ถึงกับกล่าวว่าเป็น “หายนะครั้งเลวร้ายสุด” ในประวัติศาสตร์การทหารของอังกฤษ

แม้อังกฤษจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะในที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ความรุ่งโรจน์ของกองทัพเรือจบสิ้นไปแล้วตั้งแต่ยุทธการที่สิงคโปร์ แถมยังต้องทยอยมอบเอกราชให้ประเทศอาณานิคมต่างๆ จนกระทั่งอาเซียนเป็นเอกราชอย่างเป็นปึกแผ่นทุกวันนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวในสงครามเย็น จนกระทั่งถึงการเผชิญหน้าในทะเลจีนใต้ อันเป็นความขัดแย้งล่าสุดในภูมิภาคนี้ โดยมีจีนและบางชาติในอาเซียนเป็นคู่กรณี มีสหรัฐมา “ร่วมแจม” และล่าสุดอังกฤษคงกลัวจะน้อยหน้า จึงคิดจะร่วมแจมกับเขาบ้าง

เกวิน วิลเลียมสัน รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับ The Sunday Telegraph มีแผนการที่จะสร้างฐานทัพเรือในบรูไนหรือไม่ก็ที่สิงคโปร์ และยังเตรียมเปิดฐานทัพในแคริเบียนด้วย เพื่อนำพาอังกฤษกลับมาเป็นประเทศที่มีบทบาทระดับโลกอีกครั้งหลังถอนตัวจากสหภาพยุโรป พร้อมกล่าวว่า “นี่คือช่วงเวลาสำคัญของประเทศนับตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2” แสดงให้เห็นว่า อังกฤษมีความทะเยอทะยานทางทหาร และมุ่งจะใช้อาเซียนเป็นสนามประลองกำลังกับจีน แต่สถานะอย่างอังกฤษนั้นคงเป็นได้แค่ลูกไล่ของสหรัฐเท่านั้น

ปัญหาคือ หากสิงคโปร์และบรูไนยอม จีนคงเกรี้ยวกราดอย่างมาก และอาเซียนจะเสียงแตก หายนะของสงครามจะมาเคาะประตูหน้าบ้านของเราชาวอุษาคเณย์ทั้งผอง