WORLD NEWS

โดย M2F Writer

14 ธันวาคม 2561 : 18:00 น.

ครั้งหนึ่ง นวน เจีย เคยเป็นคนไทย เรียนที่ธรรมศาสตร์

เมื่อเร็วๆ นี้กัมพูชาเปิดศาลพิเศษเพื่อพิพากษาจุดจบของบรรดาผู้นำเขมรแดงที่เคยล้างผลาญประเทศเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว โดยเขียว สัมพันกับนวน เจีย เป็นผู้นำเขมรแดงเพียง 2 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ โชคดีที่มีอายุยืน จึงมีวาสนาได้ขึ้นศาลพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รับทราบความชั่วร้ายที่ตัวเองได้ก่อ

ทั้ง 2 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมรไปตั้งแต่เมื่อปี 2014 แล้ว ในปี 2018 นี้ ทั้งคู่ถูกพิพากษาในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวญวนและชาวจามในกัมพูชา คือเป็นกระทงใหม่ แต่รับโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดิม

หลายคนในยุคปัจจุบันอาจหลงลืมเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 2 ล้านคน และทำให้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องปั่นป่วนอย่างหนัก รวมถึงไทยที่ต้องเปิดประเทศรับชาวเขมรลี้ภัยหลายล้านคน

หลายคนอาจไม่ทราบว่า ชายชราที่กำลังตกเป็นจำเลยที่รอรับการพิพากษาโทษเป็นครั้งสุดท้ายเหล่านี้ มีส่วนรับผิดชอบกับเหตุการณ์นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างไร นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังของเขาเหล่านี้

นวน เจีย

นวน เจีย เป็นผู้นำอันดับที่ 2 ของเขมรแดง เจ้าของฉายา "พี่ชายหมายเลข 2" เป็นชาวแขมร์โดยกำเนิด แต่เคยเป็นคนไทยอยู่ช่วงหนึ่ง โดยมีชื่อว่า ลอง บุญรอด หรือ รุ่งเลิศ เหล่าดี เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2469 ที่จังหวัดพระตะบอง ต่อมาพระตะบองตกเป็นของไทยในช่วงกรณีพิพาทอินโดจีน กลายเป็นส่วนหนึ่งมณฑลบูรพา รุ่งเลิศ เหล่าดี จึงเข้ามาเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร จังหวัดพระนคร ต่อจากนั้นเข้าเรียนที่ โรงเรียนเตรียมปริญญา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง หรือ เตรียมธรรมศาสตร์ (ต.มธก.) 2488

หลังจบการศึกษาเข้าทำงานที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ในระหว่างนั้นก็ฟังบรรยายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองไปพร้อมกันด้วย จนกระทั่งถึงปี 2493 ย้ายมาสังกัดแผนกอินโดจีน ในกระทรวงการต่างประเทศ ได้เงินเดือน 24 บาท

แต่ในระหว่างที่เรียน มธก. และเป็นข้าราชการไทยอยู่นั้น รุ่งเลิศ เหล่าดี ก็เข้าร่วมกับ องค์กรยุวชนไทย อันเป็นองค์กรของฝ่ายซ้าย หลังได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือพิมพ์มหาชน ของฝ่ายซ้ายในยุคนั้น รวมถึงบทความของอุดม ศรีวสุวรรณ เรื่อง "ทางออกของไทย" และ "ชีวทัศน์" ของประเสริฐ ทรัพย์สุทร

ต่อมาเขาเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย อย่างเต็มตัวในปี ปี 2493 และโอนเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอินโดจีน แต่ในเวลาไม่นาน หลังได้ทราบข่าวว่า เกิดเหตุฝรั่งเศสสังหารชาวลาวที่เรียกร้องเอกราช เขาจึงแอบหนีออกจากไทยที่บึงกาฬ ผ่านเข้าลาวที่ปากซัน แล้วไปรับการรฝึกโดยเวียดมินห์ในสมรภูมิเดียนเบียนฟู จนกระทั่งเดินทางถึงกัมพูชา อันเป็นบ้านกิดในกาลต่อมา

หลังจากนั้น รุ่งเลิศ เหล่าดี ไม่ได้ใช้ชื่อ รุ่งเลิศ อีก แต่ใช้ชื่อเดิมในภาษาเขมรว่า "นวน เจีย" เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งกัมพูชา กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นรองเลขาธิการพรรค เป็นรองแต่เพียง ปล โปต หรือ "พอล พต" ทั้ง 2 คนมีส่วนรับผิดชอบต่อการฆ่าล้างผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาถึงกว่า 2 - 3 ล้านคนในช่วงที่เขมรแดงเรืองอำนาจ

วันที่ 7 สิงหาคม 2557 ศาลพิเศษของสหประชาชาติ ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต นวน เจีย หรือ รุ่งเลิศ เหล่าดี ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ

เขียว สัมพัน

เขียว สัมพัน  เป็นอดีตประธานสภาเปรซิเดียมแห่งกัมพูชาประชาธิปไตยในช่วงปี ค.ศ. 1976 ถึง 1979 ทั้งยังดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐของกัมพูชาขณะอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดง เป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจระดับสูงของเขมรแดง รองจากพล พต

เดิมน้น เขียว สัมพันเป็นชาวกัมพูชาเชื้อสายจีน เกิดที่จังหวัดสวายเรียง บิดาเป็นผู้พิพากษา จบการศึกษาจากวิทยาลัยสีสุวัตถิ์ 

มีเกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับ เขียว สัมพัน ในประวัติหลวงปู่โง่น โสรโย ผู้เป็นอัจฉริยะทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกท่านมีชีวิตการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น เป็นบุตรบุญธรรมของชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางไปทั่วโลก รู้จักคนใหญ่คนโตในอินโดจีนมากมาย แต่เพราะความที่ท่านเป็นไทยที่พูดได้หลายภาษา จึงถูกเพ่งเล็งว่าเป็นสายลับมาโดยตลอด

ในช่วงที่ไทยบุกไปยึดพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณจากฝรั่งเศส-กัมพูชา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) นำคณะสงฆ์ไทยไปเผยแพร่พุทธศาสนาในกัมพูชา หลวงปู่โง่นได้รับบัญชาให้ไปด้วยเพราะพูดเขมรกับฝรั่งเศสได้ เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว แท่านยังไม่กลับเพราะอยากจะพบกัลบุคคลระดับสูงและเจ้านายของกัมพูชาที่ท่านรู้จัก และคบหากันตอนอยู่ฝรั่งเศส

ปรากฏว่าท่านเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะเขียว สัมพันที่เป็นรุ่นน้องของท่านจะสั่งฆ่าท่านลูกเดียว เพราะแค้นที่ไทยยกทัพไปรุกรานกัมพูชา จึงพาลโกรธมาถึงพระสงฆ์องคเจ้า ทั้งๆ ที่ท่านเล่าว่า ได้เลี้ยงดู เขียว สัมพันมาตั้งแต่เด็กจนถึงวัยรุ่น พอได้เป็นแค่ร้อยตรีก็ไม่สนว่าใครมีบุญคุณ ร้อนถึงจอมพลป. ต้องส่งคนมาเจรจาขอตัวท่านคืน

นี่เป็นเกร็ดประวัติเล็กๆ น้อยๆ ของเขียว สัมพันกับพระสงฆ์รูปสำคัญของไทย อยู่ในหนังสือ "ย้อนรอยกรรมตำนานพระสุพรรณกัลยา" ของ ภันธกานต์ กิ้มทอง

นอกจาก เขียว สัมพันกับนวน เจีย แล้ว ยังมีเอียง สารี แต่ด่วนตัดช่องน้อยแต่พอตัว เสียชีวิตไปเมื่อปี 2556  

เอียง สารี

เอียง สารี เคยศึกษาที่ปารีส ร่วมกับ พล พต อดีตผู้นำหมายเลข 1 ของเขมรแดง เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศใยยุคเขมรแดงเรืองอำนาจ ถึงขนาดมีคำสั่งล่อลวงให้ชาวเขมรในต่างแดนเดินทางกลับมาช่วยฟื้นฟูประเทศ แต่เมื่อคนเหล่านี้กลับมาถึงกับถูกจับกุมตัวและส่งไปใช้แรงงานหนัก เคยถูกตัดสินประหารชีวิตขณะหลบหนี แต่ต่อมา เจ้านโรดม สีหนุ ทรงพระราชทานอภัยโทษ จนกระทั่งถูกจับกุมและดำเนินคดีอีก นอกจากนี้ ยังมีภรรยาของ เอียง สารี ยังไม่ต้องรับการพิจารณาคดีเนื่องจากเป็นโรคความจำเสื่อม

ขณะที่หัวหน้าใหญ่ หรือ "พี่ชายหมายเลข 1" คือ พล พต เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้วการที่ผู้นำเขมรแดงทั้ง 3 คนยังอยู่รอดปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ เพราะนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน แห่งกัมพูชาให้คำมั่นสัญญาที่จะไม่เอาผิด เพราะ ฮุน เซน เองก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกเขมรแดง ทว่า ในเวลาต่อมา ฮุนเซน ไม่สามารถทนแรงกดดันจากทั้งในและต่างประเทศได้ จึงต้องยอมดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ 

(ข้อมูลเรื่องนวน เจีย ถอดความจาก "The Young Nuon Chea in Bangkok (1942 - 1950)" โดย Eiji Murashima )

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ