รายงานพิเศษต่างประเทศ
จากกรณีที่ เมิ่งหว่านโจว บุตรสาวของประธาน บริษัท หัวเหวย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) และรองประธานบริษัท ถูกจับกุมตัว สะท้อนถึงท่าทีของหลายประเทศในโลกตะวันตก ที่กังวลว่าหัวเหวยอาจมีเจตนาแอบแฝงในการทำธุรกิจ ถึงกับมีคำเตือนเรื่องการใช้สินค้าของบริษัทนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่า หัวเหวยกี่ยวข้องกับการสอดแนมผ่านสมาร์ทโฟนก็ตาม ทว่า นับตั้งแต่ต้นปี มีข่าวในทำนองนี้เป็นระยะ ดังนี้
ก.พ. 2018 - สำนักข่าว CNBC รายงานว่า หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง 6 หน่วยหลักของสหรัฐ เช่น FBI, CIA และ NSA เตือนชาวอเมริกันไม่ให้ใช้สินค้าของหัวเหวยกับ ZTE เพราะเกรงว่าอาจมีการสอดแนมข้อมูล
มิ.ย. 2018 - สำนักข่าว News.com.au รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ของสถาบัน ASPI ในออสเตรเลีย กังวลเรื่องการสอดแนมข้อมูลผ่านผลิตภัณฑ์ของหัวเหวย และอาจส่งข้อมูลที่แฮกได้ไปให้รัฐบาลจีน
ส.ค. 2018 - รัฐบาลออสเตรเลียสั่งห้ามหัวเหวย และ ZTE ไม่ให้เข้ามาลงทุนด้านการบริการเครือข่าย 5G อ้างว่ามีความกังวลเรื่องความมั่นคง เพราะรัฐบาลต่างชาติอาจเข้ามาแทรกแซง
พ.ย. 2018 - รัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งห้ามไม่ให้ใช้อุปกรณ์ของหัวเหวยในเครือข่าย 5G เพราะเกรงว่าอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ธ.ค. 2018 - บริษัท BT ของอังกฤษ ห้ามไม่ให้ใช้อุปกรณ์ 5G ของหัวเหวยในเครือข่ายหลัก คาดว่าเกี่ยวข้องกับความกังวลเรื่องการล้วงข้อมูล ก่อนหน้านี้ หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง MI6 ยังตั้งคำถามถึงบทบาทเบื้องหลังของจีนต่อธุรกิจโทรคมนาคมของอังกฤษ
9 ธ.ค. 2018 - รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นรายล่าสุดที่สั่งห้ามใช้อุปกรณ์ 5G ของหัวเหวย
อย่างไรก็ตาม แม้สื่อตะวันตกจะประโคมข่าวในทำนองดังกล่าวเป็นระยะ จนกระทั่งมีการจับกุมตัว CFO ของหัวเหวย แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าหัวเหวยสอดแนมข้อมูลส่วนบุคคลและรัฐบาลตะวันตกจริง และต้องตระหนักว่าการโจมตีหัวเหวยเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่สหรัฐเป็นหัวหอกในการก่อสงครามการค้ากับจีน