ศบค.สั่ง สธ.-กระทรวงท่องเที่ยว-มท. กำหนดพื้นที่ "ท่องเที่ยวปลอดภัยจากโควิด-19" พื้นที่ไหนพร้อมเปิดได้ทันทีตั้งแต่ 1 ต.ค. เผย ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว กว่า 3.2 หมื่นราย มีติดเชื้อ 91 ราย

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ตอนหนึ่ง ว่า ผลการดำเนินโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-14 ก.ย.64 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้ว 32,005 ราย ตรวจพบเชื้อ 91 ราย คิดเป็น 0.28% มียอดจองเข้าพัก 524,221 คืน ส่วนในพื้นที่พบผู้ติดเชื้อ 229 ราย ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย ซึ่งทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดรายงานว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังรับมือไหว

นอกจาก ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ยังได้ขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ (7+7 Extension) ในจ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย, เกาะพงัน,เกาะเต่า), จังหวัดพังงา(เขาหลัก,เกาะยาวน้อย,เกาะยาวใหญ่) และจังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี/ไร่เลย์,เกาะไหง)

เมื่อถามว่า ผู้ประกอบการได้สอบถามว่าศบค.มีแผนรับมือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะมีการเปิดประเทศและเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้สั่งการว่า ให้มองไปช่วงที่เรามีฤดูการท่องเที่ยวในช่วงภาคปกติ ในไตรมาส 4 ของทุกปี หรือ ไฮซีซั่น และการที่เรายังอยู่กับโควิด-19 ไปเรื่อยๆ จึงให้ นโยบายเป็นข้อสั่งการว่า ขอให้เตรียมความพร้อมให้กับนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ คือ

1. ต้องลงไปดูพื้นที่ก่อน เพื่อประกาศเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวปลอดภัยจากโควิด-19 หรือ Covid Free Tour Area Sandbox โดยมอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข กับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปพิจารณา สิ่งสำคัญคือต้องลงไปดูพื้นที่ก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เช่น พื้นที่เกาะ พื้นที่ที่มีสนามบิน สามารถตรวจผู้ที่จะเข้ามาได้อย่างชัดเจน

2.ต้องกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่นั้นๆ และ ต้องได้รับความเห็นชอบ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความพร้อมของประชาชนในพื้นที่ด้วย ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อไม่มากนักสามารถควบคุมได้ จำนวนที่มีการฉีดวัคซีนเหมาะสมเพียงพอ

3.ขีดความสามารถในการรักษา เช่น มีเตียง มีทรัพยากรแพทย์ พยาบาล อยู่ในพื้นที่เพียงพอหรือไม่ ถ้าเกิดการระบาดขึ้นมาจะสามารถควบคุมโรค และสามารถนำผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาลได้เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้มอบให้ทางกระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปหารือเพื่อพิจารณา และ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กับ กระทรวงมหาดไทย กำหนดพื้นที่ แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก เป็นพื้นที่นำร่อง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป สถานที่ที่พร้อมอยู่แล้วก็เปิดได้เลย ระยะที่ 2 พื้นที่อื่นๆ อาจจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. หรือ เดือนพ.ย. ก็จะเปิดพื้นที่ที่มีความพร้อมอื่นๆ เช่น พื้นที่ ภูเขา ทะเล หรือ พื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยว