โฆษกตำรวจนครบาลเตือนม็อบดินแดงเริ่มขยายเวลาชุมนุมนานขึ้นเริ่มใช้ตะปูเรือใบโรยบนถนนมีรถได้รับความเสียหายแล้วหลายคันเจ้าของแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมบริเวณแยกดินแดง และถนนวิภาวดีรังสิตว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ก.ย.เสร็จสิ้นในช่วงประมาณ 02.00 น. มีการใช้พลุไฟ ประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปองเหมือนกับทุกครั้ง แต่การชุมนุมตำรวจพบว่า กลุ่มทะลุแก๊ซ เริ่มมีการใช้ตะปูเรือใบวางกีดขวางไว้บนถนนวิภาวดีรังสิต ดินแดง และพระราม 9 ทำให้รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก รถบางคันเป็นรถหรู มีมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ซึ่งเจ้าของรถแต่ละคันเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ดินแดงแล้ว
สำหรับ ความคืบหน้าในการติดตามผู้ก่อเหตุเผาทำลายซุ้มประตูบริเวณทางขึ้นทางด่วนดินแดงจนได้รับความเสียหาย ล่าสุดตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุ 1 คน พบว่าเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโดยมีผู้ปกครองและสหวิชาชีพเข้าร่วมในการสอบปากคำด้วย ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดในข้อหาใดบ้าง รวมถึงความผิดตามมาตรา 112 หากมีพยานหลักฐานว่าเข้าข่ายก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กรณีมีกลุ่มชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ภายในแฟลตดินแดงรวมตัวกันล่ารายชื่อ เพื่อไปแจ้งความเรียกร้องค่าเสียหายและเงินชดเชย จากผลกระทบจากการชุมนุม เบื้องต้นจากการตรวจสอบไปที่ สน.ดินแดง ทราบว่าชาวบ้านได้เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อความเดือดร้อนและทำให้เกิดความเสียหายภายในแฟลตดินแดง ยืนยันว่า ตำรวจควบคุมฝูงชนไม่ได้ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่บนอาคารแฟลตดินแดง แต่ความเสียหายของแฟลตดินแดงในจุดใดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจและมีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ก็พร้อมรับผิดชอบ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีประชาชนที่เข้าไปแจ้งความที่สน.ดินแดง เอาผิดกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำร้ายชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายราย เบื้องต้นสั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว และหากยังมีผู้เสียหายรายใดที่โดนกระทำในลักษณะเดียวกันสามารถเข้าแจ้งความเพิ่มเติมได้ จากการชุมนุมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเดียวกันมีการทะเลาะวิวาทกันเองบ่อยครั้ง โดยจะเห็นได้จากการชุมนุมที่บริเวณแยกเกียกกาย และอีกหลายพื้นที่ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในแต่ละครั้ง จึงต้องแยกแยะให้ได้ว่าเป็นการทะเลาะวิวาทกันภายในกลุ่มผู้ชุมนุมเอง หรือเป็นการทำร้ายผู้ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการชุมนุม
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการข่มขู่และคุกคามสื่อหลายสำนักจากกลุ่มทะลุแก๊ซ รวมถึงมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าว บช.น.จึงขอแจ้งเตือนให้สื่อมวลชนที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ระมัดระวังตัว ปฏิบัติตามคำแนะนำของตำรวจผู้ประสานงาน และอยู่ในพื้นที่ที่จัดให้ เพื่อความปลอดภัยของตัวสื่อมวลชนเอง พร้อมขอให้เตรียมบัตรประจำตัว และหนังสือรับรองจากต้นสังกัด ในกรณีที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เกินเวลาห้ามออกนอกเคหสถานตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินตำรวจจะมีการเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบสื่อมวลชนที่เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อแยกแยะว่าเป็นสื่อมวลชนที่ได้รับอนุญาตจริงหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมแฝงตัวเป็นสื่อมวลชนเข้ามาถ่ายภาพและไลฟ์สดโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ บิดเบือนข้อมูลข่าวสารจนได้รับความเสียหาย