ศบค.มีมติให้คงมาตรการประกาศเคอร์ฟิว-ล็อกดาวน์ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้มออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 ส.ค.แต่ผ่อนปรนให้เปิดธนาคารในห้างได้ถึง 2 ทุ่ม
เมื่อวันที่ 16 ส.ค.นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 แถลงผลการประชุม ศบค.ใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธาน ว่า ศบค.จึงมีมติให้ขยายมาตรการควบคุมพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้มใน 29 จังหวัดไปถึงวันที่ 31 ส.ค.64 นอกจากนี้ผ่อนปรนในห้างให้เฉพาะสถาบันการเงิน ธนาคาร ของพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดเปิดบริการได้ถึง 20.00 น. ส่วนธุรกิจสื่อสารและเครื่องใช้ไฟฟ้ายังไม่อนุญาต สธ.มองว่ายังช่องทางการสั่งสินค้าออนไลน์สามารถทดแทนกันได้
นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบให้ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรัฐสนับสนุนให้มีการใช้อย่างทั่วถึง และเน้นย้ำให้ประชาชนใช้การป้องกันตนเองของประชาชนในทุกกรณี (Universal Prevention Prevention)
นอกจากนี้ ศบค.ได้รับทราบการรับความช่วยเหลือทางการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศ โดยแลกวัคซีนแอสตราเซนเนากา 130,000 - 150,000 โดส กับประเทศภูฏาน และรับบริจาคยาโมโนโคนอล แอนติบอดี ใช้กับผู้ป่วยโควิดอาการหนัก ได้รับบริจาค 1-2 พันชุด จากประเทศเยอรมนี
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบตั้งศูนย์บริหารการสื่อสารในภาวะวิกฤต มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าศูนย์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นเลขานุการ นายเสรี วงษ์มณฑา และนายเกษมสันต์ วีรกูล เป็นบรรณาธิการบริหารทำหน้าที่วางกลยุทธ์การสื่อสาร ศบค.เชื่อมโยงการทำงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามประมวลข้อมูลข่าวสาร วางยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์เชิงรุก–เชิงรับ กำหนดประเด็นเพื่อสื่อสารกับประชาชน วางกลยุทธ์ กำหนดเวลาความถี่ กำหนดผู้ให้ข้อมูล