กรมราชทัณฑ์แจงพบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 628 รายเสียชีวิต 1 รายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครสาเหตุเกิดภาวะไตวาย ส่วนเรือนจำขอนแก่นพบติดเชื้อเป็นรายแรก
เมื่อวันที่ 24 พ.ค.นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) เปิดเผยว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 628 ราย ประกอบด้วย เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 26 ราย เรือนจำกลางคลองเปรม 60 ราย เรือรจำกลางฉะเชิงเทรา 14 ราย ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 16 ราย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 304 ราย เรือนจำกลางบางขวาง 206 ราย ทัณฑสถานหญิงธนบุรี 1 ราย และเรือนจำกลางขอนแก่น 1 ราย โดยพบเป็นการติดเชื้อครั้งแรกในเรือนจำกลางขอนแก่น ส่วนผู้ป่วยที่รักษาหาย 22 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้ออยู่ในระหว่างการรักษา จำนวน 15,373 รายในเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ 13 แห่ง
สำหรับ ผู้ต้องขังที่เสียชีวิตจำนวน 1 ราย เป็นผู้ป่วยชายอายุ 62 ปี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยอาการเหนื่อย ซึมลง และความดันต่ำ การเอ็กซ์เรย์พบปอดอักเสบ และมีภาวะไตวายร่วมด้วย แพทย์ได้ให้ยาและรักษาตามกระบวนการแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยสูงอายุ และมีอาการรุนแรงจึงได้เสียชีวิตในที่สุด
“หลังจากนี้ นอกจากเรื่องวัคซีนแล้ว ต้องวางแผนการรักษาผู้ติดเชื้อ เพื่อลดปริมาณผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตลง โดยเฉพาะการแยกผู้ป่วยออกเป็นกลุ่มสี ตามอาการและภาวะเสี่ยง ปัจจุบัน กลุ่มสีเขียว คือผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการป่วยเล็กน้อย และไม่มีภาวะเสี่ยง จะทำการดูแลรักษาภายในโรงพยาบาลสนามเรือนจำ ควบคู่กับการให้สารสกัดจากพืชฟ้าทะลายโจรและพืชฟ้าทะลายโจรชนิดบด และยาลดไข้ตามอาการ ส่วนผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการแต่มีภาวะเสี่ยง ทั้งโรคประจำตัว ภาวะอ้วน และสูงอายุ จะจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อลดความรุนแรงของโรค ไม่ให้อาการหนักจนกลายเป็นกลุ่มสีเหลือง และในกลุ่มสีเหลืองกับสีแดง จะส่งต่อการรักษาไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลแม่ข่ายของแต่ละเรือนจำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลสนามเรือนจำให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่ต้องรับออกซิเจน เพื่อให้เพียงพอต่อการรักษามากขึ้น” นพ.วีระกิตติ์ กล่าว
รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในผู้ต้องขังยังคงดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งในเรือนจำ/ทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ และการสุ่มตรวจในเรือนจำที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ เพื่อวางแผนการฉีดวัคซีนในขั้นตอนต่อไป โดยขณะนี้มีเรือนจำ/ทัณฑสถานพื้นที่เสี่ยงที่ตรวจเชื้อในผู้ต้องขังจนครบ 100% แล้วทั้ง 10 แห่ง คือ เรือนจำกลางเชียงใหม่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษธนบุรี เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เรือนจำกลางบางขวาง และทัณฑสถานหญิงธนบุรี รวมทั้งได้เริ่มสวอปหาเชื้อซ้ำทุก 7 วัน ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะปกติ หรือสามารถแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกันได้