THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

14 กันยายน 2563 : 19:46 น.

“บรรยิน ตั้งภากรณ์ ”กลับคำยอมรับสารภาพกลางศาลก่อเหตุอุ้มฆ่าเผาทำลายพี่ชายผู้พิพากษาจริง เป็นคนเเต่งชุดตำรวจไปอุ้มหน้าศาลเพื่อต่อรองคดี ศาลนัดสืบพยานใหม่ ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดสืบพยาน คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และข้อหาอื่น

โดยจำเลยที่ 1 นายบรรยิน ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นให้การรับสารภาพ ตามคำให้การฉบับลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ว่าจำเลยที่ 1 ได้ก่อเหตุในคดีนี้จริง จำเลยที่ 1 รับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ติดตามตัวนายวีรชัยและนางสาวพนิดาในช่วงวันที่ 7, 8, 12, 13, 14, 15, 16, 17 และ 20 มกราคม 2563 จริง และรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 คุมตัวนายวีรชัยจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยจำเลยที่ 1แต่งกายชุดตำรวจและเป็นผู้ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์คันเกิดเหตุจริง และได้จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน ยางรถยนต์ สังกะสี อิฐบล็อก เพื่อไปใช้เผาทำลายศพนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ โดยนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปไว้ยังจุดเกิดเหตุที่เผาศพนายวีรชัย ที่บริเวณเขาใบไม้ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 การเตรียมการดังกล่าวต้องการจับตัวนายวีรชัยมาเพื่อบังคับ ขู่เข็ญและต่อรองคดีกับนางสาวพนิดา ศกุนตะประเสริฐ โจทก์ร่วมในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.305/2561 ของศาลอาญากรุงเทพใต้

จำเลยที่ 1 มีเจตนาจะนำตัวนายวีรชัยไปกักขังไว้ที่บ้านพัก ที่ใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอตาคลี และหากหลังจากจับตัวนายวีรชัย มาขังไว้แล้ว การต่อรองและบังคับขู่เข็ญกับนางสาวพนิดาไม่สำเร็จผล โดยนางสาวพนิดาไม่ทำตามข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 1 อาจต้องฆ่านายวีรชัยและเผาทำลายศพ

หลังจากเผาศพแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 ขับรถนำเถ้ากระดูก สังกะสี เศษยางรถยนต์ อิฐบล็อก ไปทิ้งตามจุดต่างๆ คือ ริมถนนข้างทางใกล้หมู่บ้านนิคมเขาบ่อแก้ว บริเวณใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของหมู่บ้านกลางแดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จริง ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นผู้นำโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ของนายวีรชัย และแผ่นป้ายทะเบียนรถไปทิ้งที่แม่น้ำปิงผู้เดียว

จำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาจะก่อเหตุดังกล่าวเพื่อกระทบกระทั่งต่อองค์กรศาล หรือก้าวล่วง หรือดูหมิ่นเหยียดหยามองค์กรศาล แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัวด้วยเห็นว่า น.ส.พนิดาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในคดีอาญาของศาลอาญากรุงเทพใต้ ทำหน้าที่อย่างลำเอียง ขาดความเที่ยงธรรม และมีอคติกับจำเลยที่ 1 ในระหว่างการพิจารณาคดีดังกล่าวโดยตลอด ทำให้เกิดความกดดันและขาดสติยั้งคิดจึงได้กระทำความผิดในคดีนี้

ศาลเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 4 และที่ 5 ให้การรับสารภาพ รวมทั้งคำแถลงโต้แย้งพยานหลักฐานของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 ที่ยื่นต่อศาล ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 นั้น เปลี่ยนแปลงไป อันส่งผลให้ข้อเท็จจริงตามที่ให้การรับสารภาพนั้นยุติไปบางส่วน และทำให้ความจำเป็นในการสืบพยานหลักฐานตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมอ้างไว้เดิมเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน จึงให้ยกเลิกวันนัดสืบพยานหลักฐานตามที่กำหนดไว้เดิม และกำหนดวันนัดสืบพยานหลักฐานใหม่ ในช่วงเดือนตุลาคมนี้

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ