พรรคเพื่อไทยไล่บี้เปิดเผยสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำต่อ ชี้อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 178 กรณีทำสนธิสัญญาซื้อขายระหว่างประเทศต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯก่อน เล็งยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่พรรคเพื่อไย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2564 สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลักฐานหลังจากอ้างว่า มีการทำหนังสือสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ เนื่องจากพบว่าการทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรือดำน้ำลำแรก เมื่อเดือน พ.ค.2560 ทั้ง พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือขณะนั้น ในฐานะผู้แทนฝ่ายไทย และบริษัทเอกชนของจีน ในฐานะตัวแทนฝ่ายจีน ต่างก็ไม่มีหนังสือรับมอบอำนาจจากรัฐ หรือ Fulls Power ทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งพบว่าการโอนจ่ายค่างวดเรือดำน้ำลำแรก เป็นการโอนไปบริษัทเอกชนของจีน ไม่ได้โอนไปที่กระทรวงการคลังหรือกระทรวงกลาโหมของจีน
นายยุทธพงษ์ กล่าวว่า หากมีการทำสัญญาซื้อขายเรือดำน้ำแบบรัฐต่อรัฐจริง อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ด้วย เพราะสัญญาที่อาจมีปลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม การค้าการลงทุน และความมั่นคงของรัฐ เข้าข่ายเป็นสนธิสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาภายใน 60 วัน ตรวจสอบแล้วยังไม่เคยมีเรื่องดังกล่าวทั้งจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และรัฐสภาที่มาจากากรเลือกตั้งจึงส่อขัดมาตรา 178 เพราะตนสงสัยว่าไม่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐจริงๆ และไม่เคยเห็นรัฐบาลจีนส่งใบเสนอขายเรือดำน้ำมาให้รัฐบาลไทย ซึ่งต้องไปดูสัญญาจ่ายเรือดำน้ำลำแรกมีการจ่ายเงินให้ไปบริษัท China Shipbuilding & Offshore International (choc) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ที่มีการโอนเงินไป แต่ไม่มีการโอนเงินไปให้กระทรวงการคลังหรือกระทรวงกลาโหมของจีน
"ทำไมจึงต้องโอนไปบริษัทดังกล่าวแทน และบริษัทดังกล่าวก็ไม่มีใบมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน จึงมีความผิดปกติ และที่ผ่านมากองทัพเรือชี้แจงไม่ละเอียดเรื่องการลงนามจีทูจี ถ้าพยายามดึงดันให้ผ่านกรรมาธิการงบประมาณฯ ตนจะเสนอพรรคเพื่อไทยยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยเปรียบเทียบกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความตกไป โครงการใหญ่ขนาดนี้ ตนยังไม่เคยเห็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตี และ ประธานนาธิบดี สี จิ้น ผิง เซ็นร่วมมือกันเรื่องเรือดำน้ำเลย” นายยุทธพงศ์ กล่าว