THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

10 กรกฎาคม 2563 : 12:55 น.

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจับมือ กสศ.ช่วยนักเรียนยากจนในสถานศึกษาสังกัด อปท.บรรเทาโควิด-19 ตั้งเป้าครอบคลุมทั่วประเทศ 76 จังหวัด ในปีการศึกษา 2563

นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สถ. ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้เพิ่มเงินอุดหนุนให้นักเรียนและขยายกลุ่มเป้าหมายในการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคเพิ่มเติม สำหรับสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากเดิมในพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง เป็นการดำเนินการในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

อธิบดี สถ. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา สถ. ได้บูรณาการความร่วมมือกับ กสศ. ดำเนินโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข (Conditional Cash Transfer : CCT) โดยเชื่อมโยงข้อมูลนักเรียนรายบุคคลจากระบบสารสนเทศทางการศึกษาท้องถิ่น (Local Education Center Information System : LEC) เข้าสู่ระบบคัดกรองทุนเสมอภาคสำหรับสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการคัดกรองนักเรียนตามหลักเกณฑ์ที่ กสศ. กำหนด โดยในปีการศึกษา 2562 ได้จัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขให้นักเรียนทุนเสมอภาคที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรอง ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ใน 123 โรงเรียน รวม 2,930 คน

ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2563 สถ. และ กสศ. กำหนดเป้าหมายขยายความช่วยเหลือนักเรียนระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น เพิ่มจาก 10 จังหวัดนำร่อง อีก 66 จังหวัด รวมเป็น 76 จังหวัด ครอบคลุมสถานศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครอบครัว แก้ไขปัญหา/อุปสรรคการมาเรียน และสนับสนุนสถานศึกษาให้สามารถส่งเสริมทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และพัฒนาการของนักเรียนที่สอดคล้องตามความถนัดและความต้องการตามศักยภาพเป็นรายบุคคล รวมทั้งส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษา จึงเป็นภารกิจสำคัญอีกภารกิจหนึ่ง ที่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ต้องระดมความร่วมมือในการดำเนินการคัดกรองนักเรียนที่ยังขาดโอกาส ไม่ให้หลุดออกจากระบบการศึกษากลางคัน

“ขอความร่วมมือทุกฝ่าย ทั้งสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ช่วยกันดำเนินการคัดกรองนักเรียนเข้าสู่ระบบคัดกรองทุนเสมอภาค เพื่อเป็นการช่วยเหลือนักเรียนที่มีฐานะยากจน ตลอดจนนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการ และเพื่อเป็นการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่สำคัญเพื่อไม่ให้มีนักเรียนเสียสิทธิ์จากการช่วยเหลือและหลุดออกจากระบบการศึกษา” อธิบดี สถ. กล่าว

ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า โรงเรียนในสังกัด อปท. เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญและเป็นภารกิจที่ กสศ.จะเข้าไปช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยในปี 2563 กสศ. ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาเงินอุดหนุนช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ เนื่องจากช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 พบอุปสรรคที่ส่งผลต่อค่าเดินทางและค่าครองชีพ กสศ. อาจต้องพิจารณาความช่วยเหลือเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2563 กสศ. สามารถจัดงบให้เด็กยากจนพิเศษในสังกัด อปท.กว่า 30,000 คน แต่หากมีนักเรียนยากจนพิเศษที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมากกว่านี้ ทาง กสศ. ก็จะประสานหาช่องทางจัดสรรงบประมาณจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติมตามสภาพจริง

“อยากขอความร่วมมือให้ อปท. และครูกรอกข้อมูลตามสภาพจริงเข้ามาให้ได้มากที่สุด หากท้องถิ่นใดดำเนินการคัดกรองนักเรียนยากจนหรือยากจนพิเศษเข้ามาต่ำกว่าตามสภาพจริงในปีนี้ ย่อมมีผลกระทบต่อการตั้งงบประมาณของ กสศ. เพื่อสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในปีต่อๆ ไปของท้องถิ่น โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 อยากให้ท้องถิ่นช่วยกันค้นหานักเรียนยากจนไม่ให้ตกหล่นจากการสำรวจ เพื่อให้ได้รับจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณถัดไปอย่างเต็มที่สอดคล้องกับสภาพจริง ในส่วนของเด็กที่เคยผ่านการคัดกรองเมื่อปีที่แล้วไม่ยากจน ถ้ามีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความยากจนในปีนี้ เช่น ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถกรอกข้อมูลเข้ามาคัดกรองใหม่ได้ ทาง กสศ. พร้อมที่จะพิจารณาอีกครั้ง” ดร.ไกรยส กล่าว

นอกจากนี้ ในปีนี้ กสศ.ได้ร่วมมือกับธนาคารออมสิน และธกส. เปิดบัญชีพร้อมเพย์ให้เด็ก เพื่อสะดวกต่อการส่งเงินช่วยเหลือเด็กได้อย่างรวดเร็วขึ้น และการจัดสรรเงินอุดหนุนให้นักเรียนจะเป็นการบรรเทาอุปสรรคการมาเรียนลดความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยนักเรียนยากจนพิเศษทุกคนจะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 2,000 บาทในเทอม 1/2563 นี้ ซึ่งน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้มากพอสมควร จึงอยากเชิญชวนให้ทั้งผู้ปกครอง และสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือกันสำรวจและคัดกรองข้อมูลเข้ามาภายในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดังกล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ