THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

22 พฤษภาคม 2563 : 10:10 น.

กรมการพัฒนาชุมชนสนองพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ น้อมนำโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองมาขยายผลให้ชาวบบ้านปลูกผักสร้างความมั่นคงด้านอาหารช่วงโควิด-19 พบสำเร็จเกินคาด เริ่มแรกมี 5 จังหวัดทำสำเร็จปลูกผักครบ 100% แล้ว

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนำโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาขยายต่อยอดสู่กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ขณะนี้มีกระแสตอบรับการปลูกผักกันอย่างคึกคักทั่วประเทศ โดยเริ่มที่ตัวข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชนต้องปลูกเองก่อน และประสานผู้นำระดับจังหวัด คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเปลี่ยนที่ว่างบริเวณจวนเป็นแปลงปลูกผัก รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ นายอำเภอทุกอำเภอ ตลอดจนผู้นำท้องถิ่นได้ร่วมปลูกผักเป็นแบบอย่างแล้วนำพาชาวบ้านให้ทุกครัวเรือนได้ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารช่วงโควิด-19 ระบาด

“ขณะนี้ดำเนินการมา 50 กว่าวัน เลยครึ่งทางมาเล็กน้อย แต่ผลการตอบรับแรงมาก จากการสำรวจสถิติการปลูกผักรายครัวเรือน ณ วันที่ 21 พฤษภาคม พบว่าจากจำนวนครัวเรือนเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั่วประเทศ 11,811,124 ครัวเรือน ไม่รวมกรุงเทพฯ และเขตเมือง มียอดครัวเรือนลงมือปลูกผักสวนครัวแล้วจำนวน 10,137,648 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 85.83 ของครัวเรือนเป้าหมาย และพบว่ามีจังหวัดที่ประชาชนปลูกผักสวนครัวครบ 100% ของครัวเรือนเป้าหมายแล้ว 5 จังหวัด คือ พัทลุง พิษณุโลก ตาก อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ขณะที่หลายจังหวัดก็มียอดคนปลูกผักใกล้จะครบ 100 % แล้วเหมือนกัน ถ้าสถิติเป็นแบบนี้ไปอย่างต่อเนื่องก็มั่นใจได้ว่าเมื่อถึงกำหนด 90 วันจะมีผู้ปลูกผักสวนครัวทั่วประเทศ 100 % ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน และเมื่อครบกำหนด 90 วันตามโครงการจะมีการประเมินผลการดำเนินงานทั่วประเทศ โดยกำหนดแผนว่าครัวเรือนที่สามารถปฏิบัติตามแผนได้อย่างต่อเนื่องและถูกต้อง จะให้สมัครเป็นสมาชิกโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อไป” นายสุทธิพงษ์กล่าว

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวต่อว่า การน้อมนำโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง มาขยายต่อยอดสู่กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ของกรมการพัฒนาชุมชนครั้งนี้ จะทำให้คนไทยลดรายจ่ายจากการซื้อผักมาบริโภคในระดับครัวเรือน โดย 1 ครัวเรือนสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 50 บาท/วัน ถ้า 12 ล้านครัวเรือนจะลดรายจ่ายวันละ 600 ล้านบาท หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท/ปี ขณะเดียวกันคนไทยก็มีผักรับประทานตลอดทั้งปี ส่งผลดีต่อสุขภาพผู้บริโภค ปลอดสารปนเปื้อน ไร้สารพิษ เท่ากับเป็นการส่งเสริมสุขภาพของคนไทยไปในตัว ครอบครัวได้ร่วมกันทำกิจกรรมการปลูกผัก มีความผูกพันในครอบครัว มีอาหารที่พอเพียง เหลือก็แบ่งปันเพื่อนบ้าน เป็นสังคมแห่งความเอื้อเฟื้อ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 และส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็งมีความมั่นคงทางอาหารขจัดหิวโหยให้หมดไปซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อที่ 2 คือ Zero Hunger หรือขจัดความหิวโหยนั่นเอง

ด้านนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด 1 ใน 5 จังหวัด ที่มีครัวเรือนปลูกผักสวนครัวครบ 100% กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจและมั่นใจในชาวจังหวัดร้อยเอ็ดที่ได้ร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลในการ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และให้ความสำคัญกับการสร้างแหล่งอาหารไว้ที่บ้านของตัวเอง ด้วยการปลูกผักสวนครัวตามการน้อมนำโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาขยายต่อยอดสู่กิจกรรมตามแผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ของกรมการพัฒนาชุมชน

ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดได้มอบเมล็ดผักสวนครัวผ่านนายอำเภอทุกอำเภอเพื่อส่งมอบเมล็ดผักสวนครัวให้กับกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านนำไปแจกจ่ายให้กับครัวเรือนในทุกหมู่บ้าน เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน และจังหวัดร้อยเอ็ดจะไม่หยุดอยู่แค่ให้ทุกคนเรือนปลูกผักสวนครัวเท่านั้น แต่จังหวัดร้อยเอ็ด ยังมีกิจกรรมบ่มเพาะ แบ่งปันผักสวนครัว แปลงผักสวนครัวเป็นรายได้สู่ครัวเรือน นำไปสู่ธนาคารเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว และสุดท้ายจังหวัดร้อยเอ็ดจะมีตลาดสีเขียว หรือ Green market ให้กับชาวจังหวัดร้อยเอ็ดต่อไป

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ