กสศ.เสนอโมเดลเรียนออฟไลน์ดึงเด็กมีส่วนร่วมยึดโยงชุมชนเรียนรู้ปราชญ์ชาวบ้าน นักการศึกษาเสนอโมเดลเรียนออฟไลน์ยึดหลักทำเด็กสนใจมีส่วนร่วมแนะยึดโยงบริบทชุมชน เรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดเสวนา Equity talk ผ่าน facebook live ในหัวข้อ "แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบออฟไลน์ ในช่วง โควิด-19 โดย ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลของหลายโรงเรียนพบว่ามีนักเรียนจำนวนมากเข้าไม่ถึงอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ต้องวางแผนผสมผสานปรับกิจกรรมการเรียนให้มีความยืดหยุ่น ทั้งการสอนออนไลน์ ความสำคัญคือ โรงเรียน ชุมชน ผู้ปกครอง จะต้องร่วมมือกันเพื่อให้การเรียนในช่วงนี้ ที่สำคัญคือการเรียนทางไกลที่จะเกิดขึ้นจะต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสต้องทำให้เด็กมีส่วนร่วมรู้สึกเป็นเจ้าของบทเรียนของเขา ดังนั้นต้องออกแบบการเรียนในสิ่งที่เขาอยากรู้ เป็นเรื่องใกล้ตัว เพื่อให้เขาสนใจและตั้งใจเรียนรู้ และออกแบให้น่าสนใจไม่ใช่ออกแบบใบความรู้ให้ต้องอ่านอะไรยาวๆ แต่ต้องกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
นายสามารถ สุทะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่บอน จ.ลำพูน กล่าวว่า การเรียนในรูปแบบออฟไลน์คงไม่อาจได้ผล 100% เพราะขนาดเรียนในห้องเรียนเด็กยังไม่สนใจตลอดเวลา เด็กจะมีสมาธิสนใจกับสิ่งที่เรียนตามอายุเช่น ป. 6 จะสนใจ12-15 นาที ดังนั้น การที่จะให้ตั้งใจเรียนต้องหาเรื่องที่เขาสนใจเป็นพิเศษเพื่อดึงดูดสมาธิไว้ได้ รวมทั้งการที่เรียนรู้เรื่องของท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันไปก็สามารถให้ปู่ย่าตายายเป็นคนช่วยสอนซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเขาอยู่แล้ว
ด้าน ดร.พรนับพัน วงศ์ตระกูล หัวหน้าโครงการพัฒนาทักษะครูและนักจัดการเรียนรู้สำหรับห้องเรียนในศตวรรษที่ 21 กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นคือโรงเรียนจะต้องมีความเชื่อมั่นว่าต้องผ่านเรื่องเหล่านี้ไปให้ โดยชุมชนจะมีส่วนสำคัญในการเข้ามา ซึ่งการเรียนรู้ในแต่ละพื้นที่ต่างบริบทกันก็จะมีเรื่องที่เด็กสนใจแตกต่างกัน ทำอย่างไรถึงจะทำให้เขาเลือกเรียนได้ตามความชอบ ให้มีโอกาสได้เลือกเรียนโดยที่กิจกรรมมีความสนุก ท้าทาย และมีประโยชน์ทั้งในห้องเรียน และในชีวิตจริง
จณะที่ นางณภัค ฐิติมนัส ครูโรงเรียนจักรคำคณาทร จ.ลำพูน กล่าวว่า การสอนในวิชาโครงงานเป็นวิธีหนึ่งที่จะนำไปสอนเด็กแบบออฟไลน์ได้ โดยกำหนดเป็นกิจกรรม เช่นสำรวจลงพื้นที่ จดบันทึก ครูจะต้องนึกถึงบริบทใกล้ตัว ในชุมชนมีอะไร ในบ้านมีอะไร ให้เหมาะสมกับสภาพชีวิตของแต่ละคนที่เขาจะเห็นว่าทำไปแล้วจะเกิดประโยชน์ ที่สำคัญคือการใช้บริบทของท้องถิ่นมาเป็นฐานการเรียนรู้ของนักเรียน บางทีอาจมีคนรู้มากกว่าครู ก็ให้เด็กกลับลงไปถามปราชญ์ชาวบ้าน ให้เขาได้เสาะหาความรู้ โดยครูมีหน้าที่รับฟังวิธีคิด หากทำผิดครูก็ให้ข้อเสนอแนะ หากทำดีก็ชมว่าทำดี และควรมีศูนย์การเรียนรู้ประจำหมู่บ้านที่มีอินเตอร์เน็ต เป็นห้องสมุดของชุมชน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนพร้อมกันทุกคนตรงนี้จะเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้มาก