รวบ 5 ต่างชาติแก๊งปลอมตราประทับอยู่ต่อในประเทศไทย 'บิ๊กโจ๊ก'ฟันตำรวจท่องเที่ยวให้ออกจากราชการฐานร่วมเอี่ยวด้วย
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมตำรวจ สตม. ตำรวจท่องเที่ยว และ ชุดสืบสวน ศปอส.ตร. แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 5 ราย ประกอบด้วย 1.นายโอลาวาเล ลาอิมี่ อายุ33 ปี สัญชาติไนจีเรีย 2.นายโจนาส ซิลวา อายุ39 ปี สัญชาติกีนีบีสเซา 3.นายริเชส อองบอนน่า โอนู อายุ 44 ปี สัญชาติไนจีเรีย 4.นายชาโพ ซูมา อายุ37 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ และ5.นายโอควาทาร่า เบน อิบราฮิบ อายุ 21 ปี สัญชาติไอวอรีโคสต์ ทั้ง 5 ราย เป็นแก๊งต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมาย เพื่อลักลอบอยู่ในประเทศไทย ปลอมตราประทับโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย มีรูปแบบการกระทำความผิด 2 ลักษณะ คือ1.ผู้ต้องหาหนึ่งคนถือหนังสือเดินทางมากกว่าหนึ่งเล่ม โดยแต่ละเล่มเป็นหนังสือเดินทางคนละประเทศ อีกทั้ง หนังสือเดินทางแต่ละเล่มนั้นมีข้อมูล ชื่อ นามสกุล สัญชาติ และรายละเอียดอื่นๆ แตกต่างกัน แต่ภาพใบหน้าซึ่งปรากฏในหนังสือเดินทางเล่มนั้น กลับเป็นบุคคลเดียวกัน ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกประกอบกับการประทับตราอนุญาตหนังสือเดินทางเล่มที่ผู้ต้องหาถือล่าสุดพบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางเข้าออกประเทศตามที่มีการประทับตราแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ส่วนรูปแบบที่ 2 คือ ผู้ต้องหาหนึ่งคนถือหนังสือเดินทางหนึ่งเล่ม ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว แต่ปรากฏว่า มีการประทับตราเดินทางออกนอกประเทศและเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกลับพบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางเข้าออกประเทศตามที่มีการประทับตราอนุญาตแต่อย่างใด จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและกระทำความผิดในลักษณะนี้ทั้งหมด 12 คน แต่จับกุมได้ 5 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตาม
สำหรับ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดี จากการตรวจสอบพบว่า มีตำรวจยศนายดาบ สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เกี่ยวข้องในการแสตมป์ตราประทับให้กับผู้ต้องหา ซึ่งรับสารภาพว่า กระทำความผิดจริง ได้ค่าจ้างครั้งละ 5 พันบาทต่อคน โดยจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และจะมีการตรวจสอบย้อนหลังว่า มีการกระทำความผิดในลักษณะนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมกันนี้จะมีการตรวจสอบนายหน้าที่นำพาเข้ามาด้วย ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง ทำงานประสานข้อมูลในเรื่องต่างๆ ร่วมกันกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในการสกัดกั้นคนไม่ดีเข้าประเทศ พร้อมกันนี้จะนำระบบเทคโนโลยีในการตรวจสอบเข้าบุคคลเข้าออกประเทศมาใช้ เช่น ระบบสแกนม่านตา สแกนใบหน้า รวมทั้งปรับแก้ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ให้มีความครอบคลุมในทุกเรื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองคนเข้าออกประเทศ