THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

24 ตุลาคม 2561 : 17:09 น.

เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ร้อง ผบ.ตร. จี้คดี ร.ต.อ.ชนรถพยาบาลไม่คืบ หวั่นญาติไม่ได้รับเป็นธรรม เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ร้อง ผบ.ตร. เร่งรัดคดีตำรวจขับรถชนรถพยาบาลหลังพบไม่คืบหน้า หวั่นตำรวจช่วยตำรวจด้วยกัน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)นายเจษฏา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กรุงเทพฯ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีตำรวจก่อเหตุชนรถพยาบาล ขณะกำลังนำส่งผู้ป่วยท้องแก่ เป็นเหตุให้พยาบาลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย

นายเจษฏา กล่าวว่า ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ตำรวจที่ก่อเหตุในคดีนี้ ขับรถที่ไม่ติดป้ายทะเบียน อีกทั้งไม่ยอมตรวจวัดแอลกอฮอล์ในวันเกิดเหตุ จึงเกรงว่า จะส่งผลต่อหลักฐานในคดี และตำรวจอาจช่วยเหลือกันเอง ทำให้ญาติผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ต้องการให้กฎหมายมาตรา 144 ที่กำหนดให้ผู้ที่ไม่ยอมเป่าวัดระดับแฮลกอฮอล์และไม่เจาะเลือดในวันเกิดเหตุให้ถือว่าเป็นผู้เมาแล้วขับ และต้องมีผลบังคับใช้ทุกคน โดยไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในเหตุการณ์นี้ทางผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ จึงทำให้ทางเครือข่ายกังวลว่าทางผู้เสียหายและครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ขณะที่นางกัญญานันท์ ตาทิพย์ ตัวแทนเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน กล่าวว่า ในการเดินทางมาวันนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อมั่นในการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เพียงแค่ต้องการให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดคดี เนื่องจากผ่านมา 8 วัน แล้ว แต่ทางคดียังไม่มีความคืบหน้า และต้องการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการเมาแล้วขับ ในการแจ้งข้อหากระทำโดยประมาท เปลี่ยนเป็นกระทำโดยเจตนา เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้เสียหายเป็นอย่างมาก โดยนางสาวสุดารัตน์ เชื่อมาก พยาบาลที่เสียชีวิต เพิ่งเรียนจบมาได้ 2 ปีและเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่วนพยาบาลอีกคนที่บาดเจ็บสาหัส เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกเล็กวัย 6 ขวบเพียงลำพัง

ด้านพล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รักษาการจเรตำรวจ (สบ7) รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า ทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้กำชับว่าต้องทำให้เกิดความกระจ่างในคดีนี้ และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด และหากพบผู้ที่เกี่ยวข้องมีการทำผิดวินัย หรืออาญา ก็จะมีการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ซึ่งตนเองสั่งการให้ทางพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ส่งรายงานทั้งหมดมาให้ตนภายในสัปดาห์นี้ และตนเองจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบคดีด้วยตนเอง

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ