ตำรวจปราบปรามยาเสพติดคุมตัวคุมตัว 2 ผัวเมียกู้ภัยขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ดพร้อมคนพาหนีทำแผนชี้จุดรับสารภาพ วอนขอประชาชนเห็นใจอย่าเหมารวมกู้ภัยรายอื่น
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผบก.ปส.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.1 คุมตัว นายจิรายุทธ หรือโด้ คงดี, น.ส.ทิพวรรณ หรือทิพย์ ชัยเสนา และ นายชาญณรงค์ หรือไอซ์ พุฒิเจริญ สามอาสาสมัครกู้ภัย ที่ร่วมกันขนยาเสพติดไปทิ้ง และช่วยเหลือพาหลบหนี มาทำการชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่นำยาเสพติดมาทิ้ง บริเวณท้ายซอยหทัยราษฎร์ 39, จุดที่นำรถตู้พยายาลมาทิ้ง ภายในซอยราษฎร์อุทิศ 44/1 และ จุดที่นายชาญณรงค์นำรถกระบะที่ใช้พานายจิรายุทธ และ น.ส.ทิพวรรณ หลบหนี บริเวณซอยลาดกระบัง 15 โดยระหว่างนำตัวขึ้นรถ ผู้ต้องหาปฏิเสธให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
พล.ต.ต.พรพิทักษ์ เปิดเผยภายหลังนำผู้ต้องหาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า นายจิรายุทธ และน.ส.ทิพวรรณ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง โดยก่อเหตุขนยาเสพติดครั้งนี้ครั้งแรก ได้รับการว่าจ้างมาจากเพื่อนสนิท ให้ไปรับยาเสพติดที่จ.เลย ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 100,000 บาท โดยก่อนหน้าที่จะรับจ้างขนยาเสพติดครั้งนี้ ทั้งสองเคยได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างให้ไปรับยาเสพติดที่ จ.อุบลราชธานีมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ทั้งสองเปลี่ยนใจ หลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งตรวจสอบว่าทั้งสองได้มีการไปรับยาเสพติดที่ จ.เลย จริงหรือไม่ เพื่อทำการขยายผล ส่วนผู้ต้องหารับสารภาพแล้วจะมีการนำตัวส่งศาลอาญาต่อไป ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่าเป็นกัญชานั้น จากการสอบถามทราบว่า นายจิรายุทธ และน.ส.ทิพวรรณตอนแรกคิดว่าเป็นกัญชา แต่เพิ่งมารู้ว่าเป็นยาเสพติดตอนมีคนยกขึ้นรถให้ ส่วนนายชาญณรงค์ จากการสอบปากคำทราบว่าวัตถุประสงค์คือต้องการช่วยเหลือทั้งสองคน จึงมีการนัดหมายกันมาเจอใกล้จุดทิ้งยาเสพติด ก่อนจะทิ้งยาเสพติดและพาหลบหนี โดยเป้าหมายคือ จ.ระยองเป็นบ้านญาติของนายชาญณรงค์
พล.ต.ต.พรพิทักษ์ กล่าวว่า จุดหมายของการขนยาเสพติดในครั้งนี้อยู่แถบลาดพร้าว ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับบุคคลย่านลาดพร้าว 101 หรือไม่ อยู่ระหว่างวิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยง ส่วนพ่อของนายชาญณรงค์ที่เข้ามาเชื่อมโยงเนื่องจากหลังเกิดเหตุ นายชาญณรงค์ได้ติดต่อไปเพื่อให้พ่อพาเข้ามอบตัว อยู่ระหว่างการสอบสวนว่า เป็นไปตามที่นายชาญณรงค์กล่าวอ้างหรือไม่ จากนี้จะขยายผลถึงตัวการในการผลิต การลักลอบนำเข้า รวมถึงผู้ที่สั่งของเพื่อนำไปจำหน่าย แต่เบื้องต้นคาดว่า มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิต ทั้งนี้ กลุ่มคนที่ร่วมขนยาเสพติดในครั้งนี้ เป็นเพียงเรื่องส่วนบุคคลไม่ใช่เรื่องของกู้ภัยหรืออาสาสมัคร จึงอยากขอให้เห็นใจอาสาสมัครคนอื่นที่ยังคงทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนตามปกติ ไม่อยากให้มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ