นายกฯ เผยรัฐบาลตั้งเป้าลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนท้องถนนให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนภายในปี 2570 กำชับทุกหน่วยงานลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 พร้อมกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” และมอบโล่รางวัล Prime Minister Road Safety Awards ให้กับบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านความปลอดภัยทางถนน จำนวน 49 รางวัล เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้แก่บุคคลและองค์กรที่ดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ เข้าร่วมงาน ณ ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับหน่วยงาน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลที่ได้รับรางวัล Prime Minister Road Safety Awards ทั้ง 49 รางวัล ที่ได้มีการนำเสนอนวัตกรรม แนวความคิด ความมุ่งมั่นตั้งใจในการช่วยแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตใช้ถนน ลดความสูญเสียด้านจิตใจ ครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งมีความคาดหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลงานและแนวคิดต่าง ๆ เหล่านี้ไปพัฒนา ปรับปรุง และปรับใช้ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในห้วงปี 2565 ถือเป็นการเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ของความปลอดภัยทางถนน (พ.ศ. 2564 – 2573) รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน ผ่านกลไกระดับต่าง ๆ โดยกำหนดเป้าหมายภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมทั้งกวดขันการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แบบองค์รวม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกัน ลดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ลดลงมากที่สุด โดยมีเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บบนท้องถนนให้เหลือ 12 คน ต่อประชากรแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570 เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ Vision Zero ภายในปี 2593 เป็นสิ่งที่ยาก แต่เป็นเป้าหมายสำคัญ ที่เราต้องร่วมเดินหน้าไปถึงให้ได้ ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ทั้งในส่วนกลางและระดับท้องถิ่น นับว่าเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการเกิดอุบัติเหตุ โดยการเสริมสร้างศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย การคมนาคม และยานพาหนะที่ปลอดภัย การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานถนน และระบบขนส่งที่มีความปลอดภัย การดูแลหลังเกิดอุบัติเหตุ การเก็บข้อมูล การจัดการเรื่องความเร็ว รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนนมาปรับใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ
นายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ร่วมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือให้แก่ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ให้มีความปลอดภัย ทั้งสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสภาพแวดล้อมทางสังคม รวมทั้งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นการนำแนวคิด “วิถีแห่งระบบที่ปลอดภัย” มาดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งทางด้านกายภาพ เช่น การปรับปรุงถนนหนทาง ไฟฟ้าส่องสว่าง ป้ายจราจร เป็นต้น ด้านสังคม เช่น การสร้างค่านิยม “เมาไม่ขับ” ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านความปลอดภัยทางถนน และมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการเริ่มต้นทษวรรษใหม่แห่งการขับขี่ปลอดภัย พร้อมขอให้การจัดสัมมนาวิชาการระดับชาติ ซึ่งเป็นโอกาสในการใช้เวทีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และร่วมกันเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ และสร้างหนทางสู่ “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” และสามารถนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานต่อไปในอนาคต