THAI NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

24 พฤษภาคม 2565 : 19:26 น.

กระทรวงมหาดไทยประชุมหารือแนวทางขับเคลื่อนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล เปิด “สายด่วนเลิกยาเสพติด” ผ่านศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 และคณะอนุกรรมการในการประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย โดยมี ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

พล.อ.ณัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นรองประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะกรรมการ ทำหน้าที่ในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และวางแผนขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด นอกเหนือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจอยู่แล้วในทุกมิติ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนที่พบเห็นได้มีโอกาสร่วมมือกับภาครัฐด้วยการแจ้งเบาะแสผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด และกลุ่มมิจฉาชีพที่แสวงหาประโยชน์จากบุคคลดังกล่าว

ทั้งนี้ โดยจัดให้มีระบบการแจ้งข้อมูล การคุ้มครองพยาน และการบูรณาการประสานงานรับผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ณ สถานที่บำบัดรักษา จนจบกระบวนการ เพื่อให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติดได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน โดยมีศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย 1567 เป็นสายด่วนหลักในการบูรณาการศูนย์บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด หรือ “สายด่วนเลิกยาเสพติด” ร่วมกับภาคีเครือข่ายสายด่วนทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง และมุ่งพัฒนาสู่ระบบการโอนสายส่งต่อ (ระบบ Call Forward) โดยใช้ฐานข้อมูลผู้เสพฐานเดียวในการบูรณาการความช่วยเหลือ

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานขับเคลื่อนแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร เพื่อเสริมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพิ่มเติม ด้วยการกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ทำหน้าที่ประสานงาน บูรณาการ และสั่งการฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เป็นไปอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่างในด้านการบริหารจัดการกำลังพล รวมทั้งส่งเสริมบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศกว่า 75,000 หมู่บ้าน ใน 878 อำเภอ เป็นตัวแทนของประชาชน (Active Agent) ในการวางระบบเฝ้าระวัง ดูแล ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด เป็นกำลังเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือเรียกอีกนัยหนึ่ง คือ เป็นเหมือน ตำรวจบ้านดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในชุมชน

นอกจากนั้น ได้จัดทำสัญญาประชาคมร่วมกันระหว่างนายอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านว่า หากพบผู้เสพ หรือผู้ค้า ในพื้นที่ ต้องแจ้งเบาะแสให้กับนายอำเภอ เพื่อนำผู้หลงผิดเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูคืนคนดีสู่สังคม และผู้ค้าต้องถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย อันเป็นการสร้างความตื่นตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้านที่มีอำนาจหน้าที่อยู่แล้ว ให้ขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ จ.อุดรธานี โดยกลไกฝ่ายปกครอง ทั้งนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายดำเนินการขยายผลจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ทำให้ได้ของกลางกว่า 2 ล้านเม็ดอีกด้วย

“ในด้านการฟื้นฟู/บำบัดรักษา กระทรวงมหาดไทย ขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุข ในการพิจารณารับรองและยกฐานะ “ศูนย์บำบัดยาเสพติดวัดถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี” ให้เป็นศูนย์บำบัดยาเสพติดที่ได้รับการรับรองที่ถูกต้องและได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งวัดถ้ำกระบอก ถือเป็นภาคีเครือข่ายที่สำคัญในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยความรู้ (Know-how) ของคณะสงฆ์วัดถ้ำกระบอก ได้ช่วยให้ประชาชนผู้หลงผิดจากทั่วประเทศได้หายจากการติดยาเสพติดเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน” นายสุทธิพงษ์กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนแนวทางความสำเร็จของการ “คืนคนดีสู่สังคม” และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อเป้าหมาย คือ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีความสุข ด้วยกลไกภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายผลจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมให้มีในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน โดยบูรณาการร่วมกันภาคีเครือข่ายผู้นำศาสนา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ร่วมกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ร่วมกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อใช้วัดเป็นหมุดหมายที่สำคัญ ทั้งในด้านการใช้อาคารสถานที่และการดูแลจิตใจให้ผู้ได้รับการบำบัดฟื้นฟูมีกำลังใจที่เข้มแข็งในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคม” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

ทั้งนี้ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ที่ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับประมวลกฎหมายยาเสพติด และรณรงค์ให้ประชาชนมีทัศนคติที่ถูกต้องว่า “ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการบำบัดรักษา” คืนคนดีสู่สังคมอันเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะได้ขับเคลื่อนบูรณาการให้เกิดความสำเร็จ เพื่อช่วยกัน Change for Good ให้เกิดขึ้นในประเทศนี้ ด้วยการระดมสรรพกำลังในการพัฒนาผู้นำชุมชน ทั้งผู้นำตามธรรมชาติหรือตามตำแหน่งหน้าที่ให้เป็นบุคลากรหลักในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนได้อย่างแท้จริง ฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติดหรือผู้ผ่านการบำบัดรักษา เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่กลับไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ