นครพนม-อดีตเจ้าแม่เงินกู้ปล่อยดอกโหดภาคอีสานยอมยกหนี้ทั้งหมดที่ยังไม่ผ่อนชำระและคืนโฉนดที่ดินให้ลูกหนี้ 15 รายหลังเจรจาตกลงกันได้
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่สำนักงานสมาคมนักข่าว จ.นครพนม นายณพล ใบเงิน ทนายความของ น.ส.สุพิชญ์ฌา อภิชัจฐ์โภคิน อายุ 59 ปี หรือเจ๊สุ อดีตนายทุนเงินกู้นอกระบบที่เคยถูกลูกหนี้หลายรายในพื้นที่ จ.นครพนม แจ้งความเอาผิดดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย ดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดมาตั้งแต่ปี 2559 จนกระทั่งมีการต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมายจนศาลชั้นต้น จ.นครพนม ได้มีคำพิพากษาตัดสินให้เจ๊สุถูกจำคุก 2 ปี พร้อมลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนจัดทำเอกสารอีก 1 คน โดยไม่รอลงอาญา และศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งเจ้าแม่เงินกู้ที่ตกเป็นจำเลยได้ยื่นประกันตัวต่อสู้คดี ภายหลังเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีอาญาเลขแดงที่ 2776/2559 ยืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 2 ปี ส่วนจำเลยอีกรายเป็นลูกน้องคนจัดทำเอกสารศาลยกฟ้อง ภายหลังอ่านคำพิพากษาเจ๊สุได้ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำกลางนครพนม และพ้นโทษออกมา พร้อมได้รับการลดโทษรวมจำคุกประมาณปีครึ่ง
ทั้งนี้ น.ส.สุพิชญ์ฌา พร้อมทนายความ ได้มีการหารือตกลงเจรจาให้ความเมตตากับลูกหนี้อีก 15 ราย ยอมลดหนี้ให้ ในส่วนของลูกหนี้ที่เคยนำโฉนดที่ดินไปจำนอง ขายฝาก แต่ยังไม่มีการชำระหนี้บางส่วน โดยได้ขอให้สื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานในการแสดงเจตนาความจริงใจที่ต้องการจะช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และยืนยันไม่มีเจตนาที่เอาเปรียบลูกหนี้ มีบางรายเป็นหนี้ประมาณ 5- 8 แสนบาทชำระไปแล้วแค่ 2 แสนบาท บางรายยังค้างชำระประมาณ 2 -3 แสนบาท แต่ทางเจ้าหนี้ยอมยกหนี้ให้ทั้งหมด และคืนโฉนดที่ดินให้ทั้งหมด รวม 15 ราย คิดมูลค่าเป็นเงินประมาณ 5 ล้านบาท สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้เป็นอย่างมาก และทุกคนยินดีที่จะให้อภัยไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม น.ส.สุพิชญ์ฌา อดีตเจ้าแม่เงินกู้ที่เคยถูกดำเนินคดีและพ้นโทษออกมา ยังมีอีกคดีสำคัญ เพราะยังถูกลูกหนี้อีกกว่า 10 ราย ฟ้องร้องในฐานความผิดปล่อยเงินกู้โดยผิดกฎหมายเรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด รวมถึงฉ้อโกงประชาชนเมื่อปี 2560 และเมื่อเดือนมี.ค.2562 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตัดสิน ให้จำคุกในคดีปล่อยเงินกู้โดยผิดกฎหมาย แต่ยกฟ้องฐานความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตัดสินจำคุก 51 เดือน จำเลยได้ยืนอุทธรณ์ต่อศาล และรอคำสั่งพิจารณาตัดสิน ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์สำคัญของ จ.นครพนมที่มีการดำเนินคดีกับนายทุนเงินกู้รายใหญ่ หลังรัฐบาลมีการประกาศปราบปรามเจ้าแม่เงินกู้ดอกเบี้ยโหด