LIFESTYLE

โดย กองบรรณาธิการ M2F

18 ธันวาคม 2562 : 17:04 น.

รพ.กรุงเทพ พร้อมรับมือกับผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุฉุกเฉิน ในทุกช่วงเทศกาลด้วยมาตรฐานในระดับสากลเพื่อความปลอดภัยในการส่งต่อ-เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ

อุบัติเหตุนำมาซึ่งการบาดเจ็บ การสูญเสีย หรือความพิการ เป็นเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ จากข้อมูลของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า จํานวนครั้งอุบัติเหตุสะสม ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 มีทั้งหมด 3,841 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิต จํานวน 423 ราย ซึ่งลดลงกว่าปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 11.51

จากการศึกษาระยะเวลา และสาเหตุของการเสียชีวิตในผู้บาดเจ็บพบว่า ร้อยละ 50 ของผู้บาดเจ็บจะเสียชีวิตภายในชั่วโมงแรก ซึ่งการป้องกันอุบัติเหตุ การดูแล ณ ที่เกิดเหตุ การออกแบบพาหนะที่ปลอดภัย ตลอดจนการนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการเสียชีวิต ในขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกร้อยละ 30 จะเสียชีวิตภายใน 24 ชม.แรก และอีกร้อยละ 20 จะเสียชีวิตในหลายวันต่อมา ผู้บาดเจ็บบางรายที่มีการบาดเจ็บที่รุนแรงอาจต้องได้รับการส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูง เพื่อการตรวจวินิจฉัย และการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งความรวดเร็ว และประสิทธิภาพในการส่งต่อนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการเสียชีวิต และทุพพลภาพของผู้บาดเจ็บ

นพ.เอกกิตติ์ สุรการ ผอ.ศูนย์อุบัติเหตุกรุงเทพ รพ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.กรุงเทพได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในการประสานงานส่งต่อ และเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ จึงได้นำมาตรฐาน CAMTS (Commission on Accreditation of Medical Transport Systems) ของประเทศสหรัฐอเมริกา มาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานของบุคลากร รถพยาบาล และอากาศยานพยาบาล ตลอดจนมาตรฐานการส่งต่อ และดูแลรักษาผู้ป่วยระหว่างเคลื่อนย้าย โดยได้รับการรับรอง มาตรฐานการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางบกและทางอากาศ จากสหรัฐอเมริกา CAMTS เป็นครั้งแรกในปี 2015 และมาตรฐาน CAMTS Global ในปี 2018

ทั้งนี้ ความปลอดภัยของผู้ป่วย บุคลากร และสาธารณะ ถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญสูงสุดในการเคลื่อนย้ายส่งต่อระหว่างสถานพยาบาล นับตั้งแต่การรับข้อมูล จนกระทั่งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมายังโรงพยาบาล BDMS Medevac Center ศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยบีดีเอ็มเอส มีทีมรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งประกอบไปด้วยแพทย์อำนวยการการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในการประสานงานการเคลื่อนย้ายทั้งทางบกและทางอากาศ จะเป็นผู้รับเรื่อง และประสานข้อมูลของผู้บาดเจ็บ วางแผนการดูแลรักษาร่วมกับแพทย์เฉพาะทาง และโรงพยาบาลต้นทาง เพื่อให้ผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ตั้งแต่ก่อนเคลื่อนย้ายมายังโรงพยาบาล (Prehospital care)

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นระบบการดูแลผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ และระหว่างนำส่งโรงพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การปฐมพยาบาล การรักษาเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย เพื่อมารับการรักษาต่อเนื่องเมื่อมาถึงโรงพยาบาลปลายทาง ตลอดจนการประเมินความเสี่ยงในการเดินทาง สภาพการจราจร สภาพเส้นทาง สภาพอากาศ ความพร้อมของบุคลากร และพาหนะ เพื่อเลือกวิธีเคลื่อนย้ายที่เหมาะสม และปลอดภัยต่อผู้ป่วยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้าย ทางบก หรือทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ซึ่งสภาพการจราจร และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในการเดินทางจะมีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

พญ.สมจินตนา เอี่ยมสรรพางค์ ผอ.แผนกฉุกเฉินกรุงเทพ กล่าวว่า มาตรฐานในการเคลื่อนย้ายด้วยรถพยาบาล พนักงานขับรถพยาบาลทุกคนซึ่งได้รับการอบรมเป็น พนักงานฉุกเฉินการแพทย์ หรือ EMT-B เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ร่วมกับทีมแพทย์ และพยาบาล นั้นจะต้องได้รับการอบรมการขับขี่พาหนะฉุกเฉินอย่างปลอดภัย (Emergency Vehicle Operation Course) รวมทั้งตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และประเมินความอ่อนล้า ก่อนปฏิบัติงาน เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรจะสามารถควบคุมรถพยาบาลได้อย่างปลอดภัยต่อทั้งผู้ป่วย บุคลากร และผู้ใช้ถนน รถพยาบาลได้ถูกออกแบบให้มีความปลอดภัย

พญ.สมจินตนา กล่าวว่า ผู้ปฏิบัติงานจะต้องสามารถทำการประเมิน และรักษาผู้ป่วยได้ตลอดเวลาที่รถพยาบาลวิ่ง โดยไม่ต้องปลดเข็มขัดนิรภัย ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการรัดตรึงด้วยเข็มขัดนิรภัย ตามมาตรฐาน อุปกรณ์การแพทย์ จะต้องยึดตรึงอย่างแข็งแรงด้วยอุปกรณ์ที่ได้รับการทดสอบการชนตามมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ผู้ป่วย และบุคลากร จะต้องปลอดภัยบนรถพยาบาล จุดเด่นของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดย ศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยบีดีเอ็มเอส(BDMS Medevac Center) คือ จะมีทีมแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน และพยาบาลด้านการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่ได้รับการฝึกอบรม สามารถตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูง เสมือนยกห้อง ICU เคลื่อนที่ไปรับส่งผู้ป่วยอย่างทันท่วงทีทุกวินาทีฉุกเฉิน ด้วยมาตรฐานการเคลื่อนย้ายที่ผ่านการรับรองในระดับสากล

ขณะที่ นพ.อัญฤทธิ์ แสงจรัสวิชัย ผอ.ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพ กล่าวว่า หากมีผู้ป่วยหรือผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล หรือในช่วงเทศกาลที่มีการจราจรหนาแน่น ศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยบีดีเอ็มเอส (BDMS Medevac Center) มีบริการเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Sky ICU) ให้บริการรับ-ส่ง คนไข้ฉุกเฉินเพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วนตั้งแต่แรกรับ ด้วยอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉินขั้นสูง ติดตั้งบนเฮลิคอปเตอร์ตามมาตรฐานนิรภัยการบินขององค์กรการบินระหว่างประเทศ ปฏิบัติงานบนเครื่องด้วยทีมแพทย์ พยาบาลที่มีวุฒิบัตรและความชำนาญ ประสบการณ์จริงด้านเวชศาสตร์การบิน และได้รับการฝึกจนชำนาญการปฏิบัติการบินทางการแพทย์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที รวดเร็ว และปลอดภัย จุดเด่นของเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศคือ การเข้าถึงพื้นที่ห่างไกล พื้นที่จำกัด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนตั้งแต่แรกรับ นอกจาก SKY ICU บริการเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน ทางรพ. ยังมีบริการรับส่ง-การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยอากาศยานอื่นๆ อาทิ เครื่องบินไพรเวท หรือเครื่องบินพาณิชย์ เพื่อเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call center โทร. 1724

สำหรับ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.กรุงเทพ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปีใหม่นี้จะเป็นปีที่จำนวนผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตทางถนนของประเทศไทยจะลดน้อยลง ขอให้ทุกท่านเตรียมความพร้อมของตนเอง พาหนะ และวางแผนเส้นทางการขับขี่อย่างปลอดภัย มีน้ำใจให้กันและกัน เพื่อให้คนไทยทุกคนจะฉลองปีใหม่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ข่าวที่น่าสนใจ