ลิเวอร์พูลรอดตายหวุดหวิด หลังจากเสียจุดโทษท้ายเกม โชคดีที่มาห์เรซซัดข้ามคาน ก่อนจบเสมอแมนฯ ซิตี้ 0-0
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. มีเกมคู่บิ๊กแมทช์ระหว่าง 2 ทีมหัวตาราง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ พบกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเกมนี้ลิเวอร์พูลจัด 3 ประสาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงทำเกมรุกเช่นเคย ส่วนแนวรับได้ เดยัน ลอฟเรน ฟิตกลับมาลงเล่นเกมลีกเป็นนัดแรก ขณะที่ทีมเยือนวาง ราฮีม สเตอร์ลิง เซร์คิโอ อกูเอโร่ และริยาด มาห์เรซ เป็น 3 แนวรุกในแดนหน้า
ในครึ่งแรก ทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสูสี โดยต่างฝ่ายต่างเล่นด้วยความรัดกุมและไม่ผลีผลามเปิดเกมบุกมากนัก ทำให้ยังไม่มีจังหวะลุ้นประตูกันเท่าไรนัก และจบ 45 นาทีแรกด้วยผลเสมอ 0-0
จากนั้นครึ่งหลัง รูปเกมยังค่อนข้างอึดอัดเหมือนเดิม ก่อนที่เกมจะมาตื่นเต้นในช่วงท้าย ในนาทีที่ 86 เมื่อ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ ปราการหลังลิเวอร์พูลไปเสียบ เลรอย ซาเน่ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษแก่แมนฯ ซิตี้ทันที แต่มาห์เรซกลับยิงข้ามคานออกไป พลาดโอกาสได้ประตูชัยอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม
ส่วนผลคู่อื่น “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล โชว์ฟอร์มดุต่อเนื่อง เก็บชัยชนะเป็นเกมที่ 9 ติดต่อกันในทุกรายการหลังจากบุกไปถล่ม ฟูแล่ม 5-1 โดย อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ กับ ปิแอร์ เอเมริก โอบาเมยอง ซัดคนละ 2 ประตู บวกกับ อารอน แรมซี่ย์ อีกหนึ่งลูก ขณะที่เจ้าถิ่นตีไข่แตกจาก อังเดร์ เชือร์เล่
ด้าน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ยืดสถิติไม่แพ้ใครเป็นเกมที่ 11 ติดต่อกันในทุกรายการ โดยยกพลไปขยี้ เซาแธมป์ตัน 3-0 จากการเรียงหน้ายิงของ เอเดน อาซาร์ รอสส์ บาร์คลี่ย์ และอัลบาโร่ โมราต้า