“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม วัตฟอร์ด 6-0 ซิวถ้วยแชมป์เอฟเอคัพ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่กวาดทั้ง 3 แชมป์ของอังกฤษในฤดูกาลเดียว
ศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พ.ค. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด ลงสนามพบกับ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด ซึ่งได้เข้าชิงเอฟเอคัพเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปี
เริ่มเกมไปได้ 26 นาที แมนฯ ซิตี้ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่กองหลังวัตฟอร์ดสกัดบอลไม่ขาด ราฮีม สเตอร์ลิง โขกต่อให้ ดาบิด ซิลบา หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายซัดตุงตาข่าย
ถัดมานาที 38 ทีมเรือใบสีฟ้าได้ประตูที่สอง เมื่อ แบร์นาโด้ ซิลวา เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ กาเบรียล เชซุส ยิงผ่านมือ เอเรลโญ่ โกเมส ไปแล้ว ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะตามซ้ำจ่อๆ เข้าไปช่วยให้แมนฯ ซิตี้นำ 2-0 ในครึ่งแรก
จากนั้นครึ่งหลัง นาทีที่ 61 แมนฯ ซิตี้หนีไปเป็น 3-0 จากจังหวะสวนกลับ กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าเขตโทษก่อนจ่ายต่อให้ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไม่เหลือ เท่านั้นยังไม่พอ อีก 7 นาทีต่อมา แมนฯ ซิตี้ได้ประตู 4-0 จากฝีเท้าของ กาเบรียล เชซุส
ช่วงท้ายเกม แมนฯ ซิตี้มารัวอีก 2 ประตูจากการเหมาของ ราฮีม สเตอร์ลิง ในนาทีที่ 81 และ 86 จบเกม แมนฯ ซิตี้ ถล่ม วัตฟอร์ด 6-0 คว้าแชมป์เอฟเอคัพไปครองเป็นสมัยที่ 6 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่กวาดเรียบทั้ง 3 แชมป์ของอังกฤษในฤดูกาลเดียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซิวแชมป์คาราบาว คัพ และแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้แล้ว