นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ สร้างความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลสมัยที่ 6
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล “ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 53” ณ เมอร์เซเดส เบนซ์ สเตเดี้ยม รัฐจอร์เจีย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 ก.พ. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งทีมที่ได้ฉลองแชมป์คือ “นักรบกู้ชาติ” นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่เอาชนะ แอลเอ แรมส์ 13-3 พร้อมกับมีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย
นักรบกู้ชาติครองยุค
ปฎิเสธไม่ได้ว่า แพทริออตส์คือสุดยอดทีมคนชนคนของยุคนี้อย่างแท้จริง หลังจากพวกเขาผ่านเข้าชิงซูเปอร์โบว์ลได้ถึง 4 ครั้งจาก 5 ปีหลังสุด ขณะเดียวกัน ชัยชนะในปีนี้ทำให้ขุนพลนักรบกู้ชาติครองโทรฟี่ “วินซ์ ลอมบาร์ดี” เป็นสมัยที่ 6 ต่อจากปี 2001, 2003, 2004, 2014, 2016 และ 2018 มากที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นเอฟแอลเทียบเท่ากับ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ที่ 6 สมัยเท่ากัน แต่ครั้งสุดท้ายที่สตีลเลอร์สได้แชมป์ต้องย้อนไปไกลถึงปี 2008
เบรดี้-เบลิชิค-เอเดลแมน
ไม่เพียงแต่ความสำเร็จของทีมเท่านั้น แต่ความสำเร็จส่วนตัวบุคคลของแพทริออตส์ก็ยังต้องยกนิ้วให้ เริ่มจาก ทอม เบรดี้ ซึ่งกลายเป็นควอเตอร์แบ็กที่คว้าแชมป์ด้วยอายุมากที่สุด ด้วยวัย 41 ปี 6 เดือน ทุบสถิติเดิมของ เพย์ตัน แมนนิ่ง ซึ่งพาเดนเวอร์ บรองโก้ส์ได้แชมป์ตอนอายุ 39 ปี 10 เดือน
ขณะที่ บิลล์ เบลิชิค ก็สร้างสถิติเป็นเฮดโค้ชอายุมากสุดที่ได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ในวัย 66 ปี 9 เดือน 18 วัน ทำลายสถิติของ ทอม คัฟลิน ซึ่งได้แชมป์กับนิวยอร์ก ไจแอนท์ส ด้วยวัย 65 ปี 158 วัน
นอกจากนี้ จูเลียน เอเดลแมน ปีกนอกของแพทริออตส์ ก็คว้าตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของศึกซูเปอร์โบวล์ปีนี้ และกลายเป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกคนแรกในรอบ 10 ปีที่คว้าตำแหน่งเอ็มวีพีไปครอง
สกอร์ต่ำสุด
ความเข้มข้นของศึกซูเปอร์โบวล์ปีนี้อาจจะไม่เร้าใจเท่าใดนักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมา โดยกว่าจะมีทัชดาวน์แรกของเกมต้องรอจนถึงควอเตอร์สุดท้ายเลยทีเดียว และสกอร์ที่ออกมา 13-3 เท่ากับสกอร์รวม 16 แต้ม เป็นสกอร์ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ของศึกซูเปอร์โบวล์ โดยสถิติก่อนหน้านี้อยู่ที่ 21 แต้ม ในศึกซูเปอร์โบวล์เมื่อปี 1973 ซึ่ง ไมอามี ดอลฟินส์ ชนะ วอชิงตัน เรดสกินส์ 14-7