ลอสแอนเจลิสและอีกหลายเมืองในสหรัฐกลับมาบังคับสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้งหลังผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นเพราะสายพันธุ์เดลตา
สำนักงานสาธารณสุขนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กำหนดใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารอีกครั้งแม้กระทั่งผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม หลังจากที่มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าพันรายต่อวันต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.)
ดร.มุนตู เดวิส เจ้าหน้าที่สาธารณสุขลอสแอนเจลิสเสริมว่าประชาชนยังสามารถออกไปทำกิจกรรมหรือรับประทานอาหารข้างนอกได้ แต่อนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยเฉพาะเวลารับประทานอาหารเท่านั้น
หลังจากที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐประกาศเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมาว่าประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบแล้วไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งกลางแจ้งหรือในร่ม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมาลอสแอนเจลิสรายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่อยู่ที่ 1,537 รายซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ผู้ป่วยรายใหม่ทั่วรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่ที่ 3,622 รายซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้หลายเมืองในสหรัฐอเมริกายกระดับมาตรการควบคุมและป้องกันโรค โดยนอกจากลอสแอนเจลิสแล้วยังมีนครแซคราเมนโตและเฟรสโนในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประกาศในวันเดียวกันว่าประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารรวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว
เช่นเดียวกับรัฐเท็กซัสซึ่งเรียกร้องให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือมีความเสี่ยงสูงหลีกเลี่ยงการเดินทางหรือการพบปะกันในที่ร่ม รวมถึงการทานอาหารนอกบ้าน และกำชับให้สวมหน้ากากอนามัย
Photo by VALERIE MACON / AFP