นิวซีแลนด์ค้านโมเดล "อยู่ร่วมโควิด" ของอังกฤษ ชี้การเสียชีวิตอยู่ในระดับที่ไม่สามารถยอมรับได้
หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาบอร์ริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศว่าจะยกเลิกมาตรการควบคุมโรคต่างๆ รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และปลดล็อกดาวน์ ภายในวันที่ 19 ก.ค. โดยกล่าวว่าอังกฤษต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัส
ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งผลให้ผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 50,000 ราย ภายในเวลา 15 วัน รวมถึงจำนวนผู้เสียชึวิตที่เพิ่มขึ้นด้วย
ด้านคริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีรับมือโรคระบาดโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ระบุว่า "นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะเต็มใจยอมรับได้ในนิวซีแลนด์" โดยกล่าวถึงจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ไมเคิล เบเคอร์ นักระบาดวิทยาและศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขนิวซีแลนด์ชี้ว่าแผนของนิวซีแลนด์อาจขึ้นอยู่กับการเร่งฉีดวัคซีนและมาตรการอื่นๆ อย่างการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น ไม่ว่าจะเป็นในด้านสาธารณสุข ความเท่าเทียม เสรีภาพ และเศรษฐกิจ
พร้อมเสริมว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขไม่พอใจกับโมเดลอังกฤษที่ปล่อยให้โควิด-19 แพร่ระบาดโดยไม่สามารถควบคุมได้ และวลีที่ว่า "อยู่ร่วมกับโควิด-19" นั้นตนมองว่าไร้สาระและไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาอีกมาก
ดังนั้น เขาจึงมองว่านิวซีแลนด์ไม่ควรปฏิบัติตามหรือยอมรับแนวทางของอังกฤษที่กล่าวว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัส แต่ต้องเรียนรู้บทเรียนจากประเทศที่ล้มเหลวมากกว่า
ขณะที่ออสเตรเลียซึ่งมีแนวทางที่สอคล้องกับนิวซีแลนด์ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กลับมีคำพูดที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับโมเดลอังกฤษ โดยในการกล่าวสรุปแผนงาน 4 ระยะในการเปิดประเทศนั้น นายกฯ กล่าวว่าในระยะที่ 3 โควิด-19 จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ
Photo by Mark Mitchell / POOL / AFP