อิสราเอลยังไม่บรรลุข้อตกลงส่งต่อวัคซีน Pfizer ส่วนเกินนับล้านโดส ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก่อนที่วัคซีนจะหมดอายุ
นายกรัฐมนตรีนัฟตาลี เบนเนตต์ ของอิสราเอลเปิดเผยว่าได้เจรจากับบริษัท Pfizer ผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนวัคซีนกับประเทศอื่น เนื่องจากอิสราเอลมีวัคซีนดังกล่าวราว 1 ล้านโดสซึ่งกำลังจะหมดอายุปลายเดือนนี้ รวมถึงเจรจาเกี่ยวกับการส่งวัคซีนล็อตใหม่ให้อิสราเอลในอนาคตด้วย
รอยเตอร์สอ้างถึงการให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุท้องถิ่นอิสราเอลของเฮซี เลวี เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลซึ่งระบุว่ารัฐบาลกำลังเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงในการจัดส่งวัคซีนส่วนเกินกับต่างประเทศ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนโดสที่ชัดเจน
พร้อมยืนยันว่ามีการเจรจาข้อตกลงดังกล่าวกับสหราชอาณาจักรเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ขณะที่บลูมเบิร์กรายงานว่าขณะนี้อิสราเอลได้เจรจากับอย่างน้อย 2 ประเทศหลังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับทางการปาเลสไตน์โดยให้เหตุผลว่าวัคซีนดังกล่าวใกล้จะถึงวันหมดอายุมากเกินไป
ทั้งนี้ เฮซี เลวี ชี้แจงว่าข้อตกลงใดๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจาก Pfizer บริษัทผู้ผลิตวัคซีนด้วย ขณะที่โฆษกของบริษัทระบุว่ายินดีที่จะหารือเกี่ยวกับคำขอบริจาควัคซีนของตนร่วมกับรัฐบาลแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสามารถช่วยให้แน่ใจว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องผู้คนจากโรคระบาดครั้งนี้
อย่างไรก็ตามแม้จะมีวัคซีนนับล้านโดสที่กำลังจะหมดอายุ แต่อดีตนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ตัดสินใจสั่งซื้อวัคซีน Pfizer เพิ่มอีก 18 ล้านโดส เพื่อสำรองไว้ในกรณีที่ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3
อิสราเอลเป็นหนึ่งในประเทศที่ฉีดวัคซีนเร็วที่สุดในโลก โดยเริ่มต้นตั้งแต่เดือนธ.ค. ปีที่แล้ว จนถึงขณะนี้มีประชาชนประมาณ 4 ใน 5 ได้รับวัคซีนแล้วตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล ขณะที่ประชาชนอายุมากกว่า 50 ปีได้รับวัคซีนแล้วเกือบ 90% ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดจากการติดเชื้อ
ส่งผลให้อิสราเอลสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อจากหลักหมื่นในเดือนม.ค. มาเป็นหลักหน่วยได้ แต่ในช่วงกลางเดือนมิ.ย. ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา
Photo by JACK GUEZ / AFP