WORLD NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

29 มิถุนายน 2564 : 15:10 น.

มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเผยผลการศึกษาพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีเมื่อผสมวัคซีนต่างชนิด

ผลการศึกษาภายใต้โครงการ Com-COV ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดพบว่าเมื่อฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของ AstraZeneca ตามด้วย Pfizer โดยเว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีกว่ารับวัคซีนชนิดเดียวกัน

โดยการศึกษาดังกล่าวได้ทำการทดลองฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดร่วมกันโดยเว้นระยะห่างแตกต่างกันออกไปเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ของการใช้วัคซีนต่างชนิด ซึ่งพบว่าไม่ว่าจะเว้นระยะห่างเท่าใด การฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ร่วมกับ Pfizer ล้วนสร้างแอนติบอดีในปริมาณที่สูง

การทดลองครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลหลายปรเทศในยุโรปเริ่มเสนอวัคซีนตัวอื่นๆ สำหรับเข็มที่ 2 แทน AstraZeneca หลังมีรายงานถึงภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่อาการเกิดขึ้นเมื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2

อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์แมทธิว สเนป จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเผยว่าแม้ผลการทดลองครั้งนี้จะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการวางแผนแจกจ่ายวัคซีน แต่ยังไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นคำแนะนำในมีการเปลี่ยนแปลงแผนการฉีดวัคซีนก่อนๆ ที่ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกมาแล้ว

สเนปเสริมว่า แน่นอนว่ามันได้ผลดี แต่ควรคงหลักปฏิบัติเดิมไว้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นจริงๆ เท่านั้น เนื่องจากหลักปฏิบัติเดิมที่ฉีดวัคซีน 2 เข็มชนิดเดียวกันได้ผ่านการทดลองทางคลินิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ การวิจัยข้างต้นมีอาสาสมัครผู้เข้าร่วม 830 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งพบว่าการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ตามด้วย Pfizer กระตุ้นการตอบสนองได้ดีที่สุด

นอกจากนี้การศึกษาดังกล่าวยังพบว่าการฉีดวัคซีน AstraZeneca 2 เข็มโดยเว้นระยะห่าง 45 สัปดาห์นั้นกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากขึ้นแทนที่จะน้อยลง ซึ่งอาจเพิ่มความมั่นใจแก่ประเทศที่มีวัคซีน AstraZeneca ในจำนวนจำกัดในขณะนี้

ขณะที่พบว่าการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 3 หลังฉีดเข็ม 2 นาน 6 เดือนทำให้ร่างกายสามารถสร้างแอนติบอดีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

Photos by GABRIEL BOUYS and Ronny Hartmann / AFP

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ