ชิลีเตรียมศึกษาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หลังคุมโควิด-19 ไม่อยู่แม้ฉีดวัคซีนไปกว่าครึ่งประเทศแล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าชิลีกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ขณะที่ประเทศกำลังพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ซึ่งมีผู้ติดเชื้อวันละหลายพันคนแม้ว่าจะฉีดวัคซีนไปกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดแล้วก็ตาม
จนถึงตอนนี้กว่า 78% ของประชากรเป้าหมายในชิลีได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว และกว่า 61% ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ท่ามกลางคำถามจากหลายฝ่ายว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแพร่ระบาดได้ดีเพียงใดเมื่อใช้จริง
เนื่องจากชิลีใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของซิโนแวคเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 16.8 ล้านโดส ส่วนที่เหลือเป็นวัคซีนของไฟเซอร์ 3.9 ล้านโดส ควบคู่ไปกับวัคซีนของแอสตราเซเนกาและแคนซิโนอีกเล็กน้อย
โดยประธานาธิบดีเซบาสเตียน พิเนรา ระบุว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกำลังตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อพิจารณาว่าถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ก่อนที่จะขยายกรอบการฉีดวัคซีนไปยังกลุ่มวัยรุ่นต่อไป
รวมถึงขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบว่าภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนซิโนแวคจะอยู่ได้นานเพียงใด โดยจะมีการรายงานอีกครั้งในเดือนถัดไป
ทั้งนี้ ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาผลการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อฉีดครบ 2 เข็มชี้ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อตามอาการ 67% ป้องกันการป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล 85% และป้องกันการเสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ที่ 80%
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานว่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในอินโดนีเซียรวมมากกว่า 350 รายติดโควิด-19 แม้จะได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนของซิโนแวค ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการยับยั้งโควิด-19 ที่แพร่ระบาดมากขึ้นโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา
Photo by Martin BERNETTI / AFP