หุ้น Tesla ดิ่งกว่า 4.5% แม้ผลกำไรสุทธิและยอดขายในไตรมาสแรกจะสูงกว่าปีก่อน
หุ้นของ Tesla Inc (เทสลา) ร่วงลง 4.53% ในช่วงปิดตลาดของวันที่ 27 เม.ย. หลังจากที่ผลประกอบการในไตรมาสแรกต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์แม้ว่าะมีผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีหลายแห่งทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดจนการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะนี้หุ้นของ Tesla อยู่ที่ 704.74 เหรียญสหรัฐซึ่งเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้วลดลงถึง 20% ทั้งนี้ หุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นกว่า 700% เมื่อปีที่แล้วส่งผลให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าทางการตลาดมากที่สุดในโลก
แต่การปรับตัวลดลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Tesla รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกเมื่อวันจันทร์ (26 เม.ย.) ที่ผ่านมาโดยมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 438 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นผลกำไรรายไตรมาสที่สูงเป็นประวัติการณ์แต่ผลการดำเนินงานก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของนักลงทุนบางส่วน
แม้ว่ายอดขายรถยนต์ของ Tesla จะพุ่งสูงขึ้นถึงประมาณ 184,800 คันในช่วง 3 เดือนแรกของปีซึ่งมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าโดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมอย่าง Model Y แต่ก็มีการระงับการผลิต Model S หรือ Model X SUV ในไตรมาสแรกเพื่อเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่
นอกจากนี้บริษัทเผยว่าทำรายได้ 518 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายคาร์บอนเครดิตซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 46% ขณะที่ Frank Schwope นักวิเคราะห์ของ NordLB มองว่านั่นหมายความว่ากำไรส่วนใหญ่ของบริษัทไม่ได้มาจากการขายรถยนต์แต่มาจากการขายคาร์บอนเครดิตและบิตคอยน์
นักวิเคราะห์มองว่าอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งคือปัญหาขาดแคลนชิปที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ ซึ่งหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวอาจคุกคามและลดโอกาสในการเติบโตของผู้ผลิตยานยนต์หลายแห่งทั่วโลกรวมถึง Tesla
Photo by Patrick T. Fallon / AFP