อย่างไรก็ตามยังคงเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับวัคซีนโควิดที่ถูกฉีดไปแล้วเกือบ 900 ล้านโดสทั่วโลก
หลังจากที่มีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันซึ่งเป็นอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 จากผู้ผลิตวัคซีน 4 แห่ง ได้แก่ แอสตราเซเนกา (AstraZeneca), จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson), ไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna)
ล่าสุด องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เผยสถิติการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากผู้ที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ทั่วโลก โดยระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนจากแอสตราเซเนกาพบอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว 287 ราย, ผู้ที่ได้รับวัคซีนจากจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันพบ 8 ราย, ผู้ที่ได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์ 25 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนจากโมเดอร์นาพบ 5 ราย
ทั้งนี้ วัคซีนจากแอสตราเซเนกาเป็นรายแรกที่ถูกหลายประเทศเพ่งเล็งและกังวลกับอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจนทำให้นานาประเทศต้องระงับการฉีดวัคซีนตัวนี้เป็นการชั่วคราว
แม้ว่าในตอนแรกองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปจะยืนยันว่าไม่พบข้อบ่งชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีน แต่ล่าสุดก็ออกมาประกาศใหม่อีกครั้งว่ามีความเป็นไปได้ที่วัคซีนดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
นอกจากนี้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรปได้แถลงเมื่อวานนี้ว่าพบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนที่พัฒนาโดยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และภาวะลิ่มเลือดอุดตัน พร้อมกล่าวว่าควรมีคำเตือนเกี่ยวกับอาการลิ่มเลือดอุดตันระบุไว้ในเอกสารกำกับยา แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปยืนยันว่าประโยชน์ของวัคซีนต้านโควิด-19 ยังคงมีมากว่าความเสี่ยง ซึ่งอัตราของผู้ที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนทั้งหมดทั่วโลก
Photo by Tiziana FABI / AFP