ถึงแม้ที่เวียดนามจะยังไม่ถูกกฎหมาย แต่มันได้รับความนิยมมากขึ้นจนรัฐบาลเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้
จากการสำรวจโดย Statista Global Consumer Survey ใน 74 ประเทศพบว่าชาวไนจีเรียใช้หรือครอบครองคริปโตเคอเรนซี่มากที่สุดในโลกในสัดส่วนถึง 32% หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล
อันดับที่ 2 คือเวียดนาม อันดับที่ 3 ยังเป็นเพื่อนบ้านอาเซียนของไทยคือฟิลิปปินส์ สาเหตุที่ทำให้คริปโตฯ เป็นที่นิยมในประเทศเหล่านี้ก้เนื่องมาจากประชาชนที่ออกไปทำงานต่างแดนนิยมส่งวนเงินกลับบ้านด้วยสกุลเงินดิจิทัล
ชาวเวียดนามพลัดถิ่นมักส่งเงินกลับไปยังประเทศเวียดนามเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของพวกตน แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการนำเงินที่ส่งกลับมาไปใช้ลงทุนในประเทศด้วย โดย Bitcoin, Ethereum, Litecoin และ Ripple เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเวียดนาม
ในบางประเทศ เช่น ไนจีเรียประชาชนมีความจำเป็นต้องส่งเงินข้ามประเทศ แต่ค่าใช้จ่ายในการส่งเงินค่อนข้างสูง ในระยะหลังจึงหันมาใช้คริปโตในการส่งเงิน
ในประเทศฟิลิปินส์ ธนาคารกลางของประเทศอำนวยความสะดวกประชาชนในการใช้คริปโตฯ โดยอนุมัติให้เปิดบริการการแลกเปลี่ยนเลินตราปกติกับคริปโตฯ หลายแห่งเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจในการโอนและส่งเงินข้ามประเทศ เนื่องจากฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ส่งออกแรงงานไปทำงานต่างแดนมากที่สุดประเทศหนึ่ง และบางธนาคารมให้บริการ Bitcoin ATM ที่ย่านการค้าในกรุงมะนิลาด้วย
ในส่วนของเวียดนาม สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลว่าเป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกกฎหมายในเวียดนาม ธนาคารกลางเวียดนามเตือนว่าการเป็นเจ้าของ การซื้อขาย และใช้สกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงและไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
Photo by Ozan KOSE / AFP