ประเทศจีนกลายเป็นจุดหมายของการลงทุนใหม่จากต่างชาติอันดับหนึ่งของโลกแซงหน้าสหรัฐเป็นที่เรียบร้อย
การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาว่าประเทศจีนกลายเป็นจุดหมายของการลงทุนใหม่โดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นอันดับหนึ่งของโลกแซงหน้าสหรัฐเป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่สหรัฐซึ่งเคยครองตำแหน่งแชมป์มีการลงทุน FDI กลุ่มใหม่ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในทางกลับกันการลงทุนในประเทศจีนเพิ่มขึ้น 4% แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในเวทีเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจีนจะสามารถครองอันดับหนึ่งสำหรับการลงทุนครั้งใหม่โดยจากต่างประเทศ แต่สหรัฐยังคงเป็นแชมป์ในการลงทุนจากต่างประเทศในภาพรวมทั้งหมดทั้งใหม่และเก่า
ถึงกระนั้นตามข้อมูลของศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (CEBR) ในสหราชอาณาจักร มีการคาดการณ์ว่าจีนอาจแซงสหรัฐได้ภายในปี 2028
ในขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐกำลังวิกฤตด้วยสถานการณ์การแพ่ระบาดของโควิด-19 แต่เศรษฐกิจของจีนกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
โดยจีนมีเงินไหลเข้าประเทศถึง 163,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหรัฐมี 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักเพีงแห่งเดียวที่สามารถฟื้นตัวได้ในขณะที่เกิดวิกฤตโรคระบาด ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนประหลาดใจกับความสามารถในการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังเป็นช่วงที่มีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอีกด้วย
ในทางกลับกันเมื่อปี 2019 สหรัฐได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศถึง 251,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนได้รับ 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐพุ่งสูงสุดในปี 2016 ด้วยเม็ดเงินจำนวน 472,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนั้นการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศจีนอยู่ที่ 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่นับตั้งแต่นั้นมาการลงทุนในจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่การลงทุนในสหรัฐลดลงทุกปีตั้งแต่ปี 2017