มกุฎราชกุมารฟุมิฮิโตะตรัสว่าราชวงศ์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและคำนึงถึงความต้องการของพสกนิกร
มกุฎราชกุมารฟุมิฮิโตะ ซึ่งได้รับการประกาศสถาปนาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 พ.ย.สื่อต่างประเทศเช่น Kyodo มองว่าทรงเป็นปากเป็นเสียงสำคัญเกี่ยวกับบทบาทของพระราชวงศ์ในยุคสมัยใหม่ โดยก่อนหน้านี้ทรงตรัสว่าราชวงศ์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และพระองค์พร้อมที่จะทรงงานเคียงข้างและสนับสนุนสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ พระเชษฐา ซึ่งเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
พระองค์ทรงแสดงความคิดเห็นว่าราชวงศ์ควรปรับตัวอย่างไรเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน โดยเชื่อว่าพระราชกรณียกิจสามารถแบ่งปันได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเพศ แม้จะทรงปฏิเสธที่จะตรัสว่าควรอนุญาตให้มีจักรพรรดิหญิง (จักรพรรดินี) หรือไม่ในช่วงเวลาที่ราชวงศ์ญี่ปุ่นขาดแคลนพระบรมวงศ์ที่เป็นชายจนเสี่ยงต่อนาคตของการสืบทอดราชวงศ์
ขณะที่ประชาชนญี่ปุ่นเองก็ต้องการให้ราชวงศ์ปรับตัวให้กับกับยุคสมัย หลุดพ้นจากกรอบความคิดที่ล้าหลัง และไม่ยึดติดกับแนวคิดแบบเก่า เช่นการสนับสนุนการสืบทอดราชบัลลังก์ของรัชทายาทหญิง
ในปี 2017 พระองค์ทรงตรัสเนื่องในวาระเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 52 พรรษาว่า "สิ่งที่ประชาชนต้องการจากพวกเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และเราจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งนั้นอยู่เสมอ"
นอกจากนี้ในปี 2018 พระองค์ยังเป็นผู้เผยต่อผู้สื่อข่าวด้วยว่าอดีตจักรพรรดิอากิฮิโตะ ผู้เป็นพระบิดามีพระราชประสงค์ที่จะสละราชสมบัติหลังครองราชย์ 30 ปี ด้วยความกังวลเกี่ยวกับพลานามัยส่วนพระองค์ ซึ่งถือเป็นพระมหากษัตริย์ญี่ปุ่นองค์แรกในรอบ 200 ปีที่สละราชบัลลังก์
รวมไปถึงสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะเองก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงสถาบันให้มีความเป็นสมัยใหม่ และใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น โดยทรงมีพระราชดำรัสในปี 2017 ว่าจะยืนหยัดใกล้ชิดพสกนิกร
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนได้ให้ความเห็นว่าราชวงศ์ญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันสามารถปรับตัวเข้ากับยุคสมัยและประชาชนได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีความเป็นสากลมากขึ้น และใช้ชีวิตไม่ต่างจากสามัญชนทั่วไป