อาจวิเคราะห์ได้ว่าเมื่อยอดคนติดและยอดคนตายสูงเกินจะรับได้ ผู้นำบราซิลจึงพยายามที่จะปิดบังความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดด้วยวิธีนี้
รัฐบาลบราซิลสั่งซ่อนข้อมูลการระบาดของโควิด-19 ที่เก็บสถิติมานานหลายเดือนเพื่อไม่ให้สาธารณชนได้เข้าถึง ในขณะที่บราซิลมีการระบาดที่ใหญ่ที่สุดและหนักที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ
กระทรวงสาธารณสุขของบราซิลได้นำข้อมูลออกจากเว็บไซต์เผยแพร่ขระบาดของโรคทั้งข้อมูลโดยรวม ข้อมูลระดับรัฐและเทศบาล ทางกระทรวงยังหยุดนับจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันซึ่งสูงถึง 672,000 รายมากกว่าประเทศใดๆ ในโลกยกเว้นสหรัฐ และยังหยุดนับยอดผู้เสียชีวิตซึ่งแซงหน้าอิตาลีในสัปดาห์นี้ไปแล้ว โดยอยู่ที่ 36,000 รายจากตัวเลขเมื่อในวันเสาร์
"ข้อมูลสะสม ... ไม่ได้สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ (และ) กำลังจะมีการดำเนินการอื่นๆ เพื่อปรับปรุงการรายงานกรณีผู้ติดเชื้อและการยืนยันการวินิจฉัย" ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูแห่งบราซิลกล่าวผ่านทวิตเตอร์
แต่การกระทำครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลอย่างมากโดยเฉพาะบุคคลากรด้านสาธารณสุขรวมถึงสื่อ
"จากมุมมองด้านสุขภาพมันเป็นโศกนาฏกรรม" ลูอีซ เอนริเก มันเดตตา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวในการออกอากาศทางเว็บเมื่อวันเสาร์ และเปรียบเทียบกรณีนี้กับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในช่วงที่รัฐบาลทหารปกครองประเทศ เขาย้ำว่า "การไม่ให้ข้อมูลทำให้รัฐบาลเป็นอันตรายมากกว่าโรคเสียอีก"
"ความโปร่งใสของข้อมูลเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด" เปาลู เฌรอนิมู จี โซซา หัวหน้าสมาคมสื่อมวลชนบราซิลกล่าว และเขายังกล่าวหารัฐบาลว่า "พยายามปิดปากสื่อมวลชนในเวลาที่สายเกินการณ์"
ที่ผ่านมาโบลโซนารูยังทำเหมือนกับการระบาดใหญ่ไม่ได้มีความรุนแรง เขาสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารมาทำงานแทนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข และยังท้าท้ายคำสั่งล็อคดาวน์ของรัฐต่างๆ โดยร่วมประท้วงต่อต้านการล็อคดาวน์หลายครั้ง
โบลโซนารูยังขู่ว่าจะถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยกล่าวหาว่าเป็นองค์กรที่มีอคติแอบแฝง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้นำของประเทศที่มีการระบาดสูงสุดอันดับ 1 และ 2 ของโลก คือสหรัฐและบราซิลต่างก็ขู่ที่จะถอนตัวจากองค์การอนามัยโลกเหมือนกัน
ภาพ - มุมมองทางอากาศแสดงหลุมฝังศพในสุสาน Nossa Senhora Aparecida รัฐอามาโซนัส ที่มีเหยื่อโควิด-19 ถูกฝังรายวัน (ภาพถ่ายโดย Michael DANTAS / AFP)