ปธน.บราซิล ใช้กฎหมายพิเศษบังคับท้องถิ่นเปิดยิม-ร้านเสริมสวย ท้าผู้ว่าการรัฐท้องถิ่นหากไม่พอใจให้ไปฟ้องศาล
สถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดในบราซิลยังคงห่างไกลจากจุดสูงสุดของการติดเชื้อ เนื่องจากล่าสุดบราซิลมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดพุ่งถึงกว่า 177,589 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแซงหน้าผู้ติดเชื้อในเยอรมนีแล้ว นับตั้งแต่ที่บราซิลเริ่มพบการระบาดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แม้ว่ายอดสะสมผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก แต่ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู (Jair Bolsonaro) ยังคงไม่สนใจยกระดับมาตรการความเข้มงวดในการรับมือไวรัส โดยที่ผ่านมารัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมลรัฐในบราซิลต้องออกมาตรการควบคุมโรคกันเอง ล่าสุดเมื่อวัน 12 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ปธน.โบโซนารู ได้ออกมาเรียกร้องให้แต่ละท้องถิ่นคลายมาตรการล็อกดาวน์ด้วยการอนุญาตให้เปิดยิมออกกำลังกาย และร้านเสริมสวย สวนทางกับรายงานจากวันเดียวกันซึ่งบราซิลมียอดเสียชีวิตจากโควิดรอบ 24 ชั่วโมงทุบสถิติถึง 881 ราย ยอดตายสะสมที่ 12,461 ราย
คำเรียกร้องของผู้นำบราซิลที่สวนทางมาตรการของบรรดาผู้ว่าการรัฐในแต่ละท้องถิ่น ส่งผลให้ปธน.โบลโซนารูได้ใช้อำนาจพิเศษในฐานะประธานาธิบดี ออกกฤษฎีกากำหนดให้ร้านเสริมสวย และโรงยิมออกกำลังกาย อยู่ในประเภท"ธุรกิจจำเป็น" (essential services) เพื่อบังคับให้ท้องถิ่นเปิดทำการธุรกิจดังกล่าว
เรื่องนี้ส่งผลให้ทำให้บรรดาผู้ว่าการรัฐในแต่ละท้องถิ่นแสดงความไม่พอใจอย่างมาก โดยผู้ว่าการรัฐริโอ เดอจาเนโร เขียนข้อความทวิตเตอร์วิจารณ์เขาบนทวิตเตอร์ว่า โบลโซนารูกำลังนำพาคนบราซิลไปยืนอยู่ปากเหว ขณะที่ด้านโบลโซลนารูได้เขียนข้อความตอบโต้ โดยท้าทายว่า หากบรรดาผู้ว่าการรัฐไหนไม่พอใจคำสั่งของเขา ก็ให้ไปฟ้องร้องในศาลเอา โดยมีรายงานว่ามีบรรดาผู้ว่าการรัฐในท้องถิ่นอย่างน้อย 10 รัฐแล้วที่ประกาศจะไม่ปฏิบัติตามกฤษฎีกาดังกล่าว
ทั้งนี้ ท่าทีที่ผ่านมาของผู้นำบราซิลซึ่งนิ่งเฉยต่อการรับมือไวรัส ได้ส่งผลให้คะแนนความนิยมของเขาตกต่ำลงอย่างมาก โดยจากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาพบว่า ความไม่พอใจในตัวผู้นำสูงถึง 55% เพิ่มขึ้นอย่างมากหากเทียบกับการสำรวจในเดือนมกราคมซึ่งอยู่ที่ 47%
แฟ้มภาพ : AFP