WORLD NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

30 มีนาคม 2563 : 16:23 น.

นักวิจัยฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในทีมล่าสุดที่ใช้ยาต้านมาลาเรียมาทดลองรักษา หลังจากมีการใช้ในประเทศจีน และต่อยอดเป็นงานวิจัยในหลายประเทศ

ผลการศึกษาที่ดำเนินการโดยทีมนักวิจัยฝรั่งเศสนำโดยดิดิเยร์ รูโอลท์ (Didier Raoult) แห่ง IHU-Mediterranee Infection พบว่า สูตรการรักษาที่เป็นส่วนผสมระหว่างยาไฮดร็อกซี่คลอโรควิน (Hydroxychloroquine) กับยาอะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) มีประสิทธิภาพในการในการรักษาผู้ป่วยโคิด-19

จากการศึกษาของนักวิจัยชาวฝรั่งเศสพบว่าผู้ป่วย 80 รายมีอาการดีขึ้นและหายจากเชื้อไวรัสภายใน 6 วันของการรักษาด้วยสูตรนี้

อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยอายุ 86 ปีเสียชีวิตและอีกรายวัย 74 ปียังอยู่ในไอซียูหลังรับการรักษาด้วยแนวทางนี้

กระนั้นก็ตาม ผลที่ออกมาถือว่าเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งและนักวิจัยชาวฝรั่งเศสกล่าวในบทสรุปของการศึกษาว่า “เรายืนยันประสิทธิภาพของไฮดร็อกซี่คลอโรควินร่วมกับอะซิโทรมัยซิน ในการรักษา COVID-19 และยังมีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อในระยะแรก”

ยาไฮดร็อกซี่คลอโรควิน หรือ HCQ เป็นยาต้านมาลาเรียและต้านการอักเสบที่ใช้ในการรักษาความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเช่นโรคลูปัสและโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการต่อต้านอาการของโควิด-19 เช่นกัน

ส่วนยาอะซิโทรมัยซินใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย เช่น โรคปอดบวม โรคหลอดลมอักเสบ การติดเชื้อที่ทางเดินหายใจในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลิน

นักวิจัยฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในทีมล่าสุดที่ใช้ยาต้านมาลาเรียมาทดลองรักษา หลังจากมีการใช้ในประเทศจีน และต่อยอดเป็นงานวิจัยในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐ แคนาดา รัสเซีย ฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ

หน่วยงานด้านการแพทย์และชีววิทยาแห่งรัสเซีย (FMBA) กล่าวในแถลงการณ์ว่า ใช้ยาเมโฟลควิน (Mefloquine ) ซึ่งยาตัวนี้เป็นยารักษามาลาเรียอีกสูตรหนึ่ง และยังช่วยป้องกันไม่ให้โควิด-19 ทำให้เซลล์ตายและกันไม่ให้ไวรัสทำซ้ำเพิ่มเติมตัวมันเอง พวกเขากล่าวเสริมว่าฤทธิ์ยายังช่วยป้องกันการอักเสบที่เกิดจากโรค

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐยกย่องไฮดร็อกซี่คลอโรควินและคลอโรควินอย่างมาก ในฐานะจุดเปลี่ยนสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ