ไต้หวันนิวส์รายงานว่า ชายรายหนึ่งถูกทางการสั่งปรับเป็นจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1 ล้านบาท) ฐานละเลยข้อกำหนดกักกันตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ด้วยการเดินทางจากเขตซินจู่ เข้ามายังกรุงไทเป
รายงานระบุว่า ชายรายนี้ เดินทางกลับจากจีนมายังไต้หวันเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งตามข้อกำหนดของรัฐบาลไทเประบุว่า หากพลเมืองคนใดกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงอาทิ จีน ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี ต้องแจ้งข้อมูลต่อทางการเพื่อเข้ามาตรการกักกันโรคด้วยตนเองเป็นเวลา 14 วัน นั่นหมายความว่าชายรายนี้ต้องกักตัวเองไปจนถึงวันที่ 10 มีนาคม
แต่จากที่เจ้าหน้าที่ติดต่อเขาไปในวันที่ 27 ก.พ. พบว่าชายรายนี้แจ้งเปลี่ยนแปลงที่อยู่กักตัวบ่อยครั้ง กระทั่งไม่สามารถติดต่อได้ ทางการจึงเผยชื่อชายรายนี้ต่อสาธารณะว่าเป็นผู้หลบหนีการกักตัวตามกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ เพื่อให้ประชาชนช่วยติดตาม
กระทั่งญาติของชายรายนี้ทราบเรื่อง และรับไม่ได้ต่อพฤติกรรมดังกล่าว จึงเป็นฝ่ายแจ้งต่อทางการเสียเองว่าชายรายนี้อยู่ที่ใด กระทั่งเขายอมเข้ามอบตัวในที่สุด
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไต้หวันพบว่า ชายรายนี้เดินทางไปยังหลายพื้นที่ในกรุงไทเป ตั้งแต่ย่านว่านหัว, ซินยี่, และเข้าพักที่รีสอร์ตของหาดไป๋ชาวานทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน
แม้จะยังไม่มีผลการตรวจยืนยันอย่างชัดเจนว่า ชายคนดังกล่าวติดเชื้อโควิดหรือไม่ แต่รัฐบาลท้องถิ่นเขตซินจู่ได้ใช้มาตรการปรับขั้นสูงสุดถึง 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน โดยใช้ข้อมูลทางการเงินของชายคนดังกล่าวมาประกอบ เพื่อลงโทษเนื่องจากมีพฤติกรรมจงใจหลบหนีไม่ยอมเข้ามาตรการกักตัวตามคำสั่งของรัฐบาล ทั้งละเมิดต่อกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เกิดอันตรายต่อสาธารณะส่วนรวม
แฟ้มภาพ : AFP