WORLD NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

08 มกราคม 2563 : 17:58 น.

มูลค่าการค้าขายระหว่างไทยกับสหรัฐในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาเกินดุลเกินเพดานที่สหรัฐกำหนดไว้ เพิ่มความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะขึ้นทะเบียนให้ไทยเป็นประเทศที่แทรกแซงค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้า

สำนักสำมะโนประชากรของสหรัฐเผยข้อมูลล่าสุดว่า การค้าขายของไทยในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมานับจนถึงเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เกินดุลสหรัฐเป็นมูลค่าถึง 20,050 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกินเพดานสูงสุด 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่กระทรวงการคลังสหรัฐกำหนดไว้สำหรับประเทศคู่ค้า

กระทรวงการคลังของสหรัฐจะจัดทำรายงานการจับตาประเทศที่อาจบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้าทุกๆ 2 ปี โดยเกณฑ์ที่ใช้วัดประกอบด้วย

1.การเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา

2. การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

3. การสะสมเงินทุนสำรองระหว่างประเทศต่อเนื่อง 6 เดือนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ของจีดีพี

หากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้าเกณฑ์อย่างน้อย 2 ใน 3 ข้อจะถูกสหรัฐขึ้นทะเบียนเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน

จากการประเมินของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก นับตั้งแต่ปลายปี 2014 บัญชีเดินสะพัดเกินดุลของไทยเกิน 2% ของจีดีพีทุกไตรมาส เมื่อบวกกับการเกินดุลการค้าในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จึงเท่ากับว่าไทยเข้าเกณฑ์การแทรกแซงค่าเงินถึง 2 ข้อ เพียงพอที่สหรัฐจะขึ้นบัญชีไทย

รายงานของกระทรวงการคลังฉบับล่าสุดที่เปิดเผยเมื่อเดือน พ.ค. 2019 ประเทศในอาเซียน 3 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ถูกสหรัฐระบุเป็นครั้งแรกว่าเข้าเกณฑ์แทรกแซงค่าเงิน 2 ข้อ ในขณะที่ไทยละเมิด 1 ข้อ คือ บัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากกว่า 2% ของจีดีพี

ไทยถูกสหรัฐจับตานโยบายการค้าอย่างใกล้ชิด เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ทางการสหรัฐประกาศจะระงับสิทธิพิเศษทางการค้ากับไทยมูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากไทยละเมิดสิทธิของแรงงาน อาทิ เสรีภาพในการจัดตั้งสหภาพแรงงานและการเจรจาต่อรอง

ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศที่ถูกสหรัฐระบุว่าแทรกแซงค่าเงินเพื่อประโยชน์ทางการค้าจะไม่ต้องรับผิดใดๆ แต่สหรัฐอาจใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับประเทศนั้นๆ อาทิ ระงับสิทธิพิเศษทางการค้า 

ที่มา https://www.posttoday.com/world/611148

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ